News
‘แมทธิว ฟิตซ์แพทริก’ เฉือนมือหนึ่งโลก ซิวเมเจอร์แรกในชีวิต รับกว่า 110 ล้านบาท
ฟิตซ์แพทริก คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น ครั้งนี้นับเป็นแชมป์เมเจอร์แรกในการเล่นอาชีพของเขาพร้อมกับรับเงินรางวัลไป 3.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 110.1 ล้านบาท นอกจากนี้ยังสร้างสถิติเป็นนักกอล์ฟคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ในสนามเดียวกัน
แมทธิว ฟิตซ์แพทริก โปรหนุ่มชาวอังกฤษผลงานยอดเยี่ยมทำ 2 อันเดอร์พาร์ 68 ในวันสุดท้ายกอล์ฟยูเอส โอเพ่น เมเจอร์ที่สามแห่งปีที่รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน 2565 หลังทำสกอร์รวมสี่วัน 6 อันเดอร์พาร์ 274 คว้าแชมป์ไปครองเฉือนชนะ สกอตตี เชฟเฟลอร์ มือ 1 ของโลก และ วิลล์ ซาลาทอริส สองโปรชาวอเมริกันเพียงหนึ่งสโตรก นับเป็นแชมป์เมเจอร์ครั้งแรกในการเล่นอาชีพ พร้อมรับเงินรางวัลไปกว่า 110 ล้านบาท และทำสถิติการเป็นนักกอล์ฟคนที่สองต่อจาก แจค นิคลอส ที่คว้าแชมป์ยูเอส อเมเจอร์ และยูเอส โอเพ่น ในสนามเดียวกัน
วันสุดท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าเวลาในประเทศไทย 11 ชั่วโมง แมทธิว ฟิตซ์แพทริก โปรหนุ่มวัย 27 ปี จากอังกฤษ ออกสตาร์ทนำร่วมกับ วิลล์ ซาลาทอริส โปรหนุ่มวัย 25 ปี จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งกำลังไล่ล่าหาแชมป์เมเจอร์ครั้งแรกในอาชีพ โดยที่ ฟิตซ์แพทริก ทำเบอร์ดี้ที่หลุม 3 และ หลุม 5 แม้ว่าจะพลาดเสียโบกี้ที่หลุม 6 แต่ก็สามารถทำเบอร์ดี้ได้ที่หลุม 8 จากนั้นไปพลาดเสียโบกี้ที่หลุม 10 และ 11 ก่อนจะกลับมาทำเบอร์ดี้ในหลุม 13 พาร์ 4 และ หลุม 15 พาร์ 4 ซึ่งหลุมนี้ ฟิตซ์แพทริก ตีด้วยเหล็ก 5 ระยะ 220 หลา จากรัฟทางขวาเข้าไปออนเพื่อพัตต์เบอร์ดี้ระยะ 19 ฟุต และพัตต์ไม่พลาดขณะนั้นเขานำอยู่สองสโตรกเมื่อเหลืออีกสามหลุมสุดท้าย
หลังจากที่ ฟิตซ์แพทริก ทำพาร์จากหลุม 16 และ 17 โดน ซาลาทอริส จี้ติดแต้มเดียวเมื่อเข้าสู่หลุม 18 พาร์ 4 ซึ่งหลุมนี้ ฟิตซ์แพทริก เสียโบกี้ในรอบสาม แต่ครั้งนี้เขาตีช็อตสองจากแฟร์เวย์บังเกอร์ด้านซ้ายไปออนกรีนเหลือระยะพัตต์เบอร์ดี้ระยะ 19 ฟุต แม้ว่าหลุดซ้ายแต่ก็เก็บพาร์ทำสกอร์ 2 อันเดอร์พาร์ 68 สกอร์รวม 6 อันเดอร์พาร์ 274 และ ซาลาทอริส มีโอกาสพัตต์เบอร์ดี้ เพื่อเสมอไปเล่นเพลย์ออฟสโตรกเพลย์ 2 หลุม แต่โปรหนุ่มชาวอเมริกันพัตต์ระยะ 15 ฟุต หลุดปากหลุมออกซ้าย ทำสกอร์ 1 อันเดอร์พาร์ 69 สกอร์รวม 5 อันเดอร์พาร์ 275 พลาดแชมป์ไปอย่างน่าเสียดาย จบลงอันดับ 2 ร่วมกับ สกอตตี เชฟเฟลอร์ โปรมือ 1 ของโลก แชมป์เดอะ มาสเตอร์ส ซึ่งทำ 3 อันเดอร์พาร์ 67
ฟิตซ์แพทริก คว้าแชมป์ยูเอส โอเพ่น ครั้งนี้นับเป็นแชมป์เมเจอร์แรกในการเล่นอาชีพของเขาพร้อมกับรับเงินรางวัลไป 3.15 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 110.1 ล้านบาท นอกจากนี้ยังสร้างสถิติเป็นนักกอล์ฟคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์ในสนามเดียวกัน ในรายการ ยูเอส โอเพ่น และยูเอส อเมเจอร์ (คว้าแชมป์ที่เดอะ คันทรี คลับ เมื่อปี 2013) ต่อจาก แจค นิคลอส ที่เคยทำไว้ที่สนามเพบเบิล บีช กอล์ฟ ลิงค์ส เมื่อปี 1961 และ 1972 และกลายเป็นนักกอล์ฟคนที่ 13 ที่คว้าแชมป์ทั้งสองรายการใหญ่ของยูเอสจีเอ และเป็นนักกอล์ฟต่างชาติที่ไม่ใช่อเมริกันคนแรกที่ทำได้อีกด้วย
โปรหนุ่มจากเมืองเชฟฟิลด์ แคว้นยอร์คเชอร์ เผยหลังการคว้าแชมป์เมเจอร์ครั้งแรกในชีวิตว่า “ผมรักที่จะเล่นที่สนามแห่งนี้ เพราะมันเหมาะกับเกมของผมและเล่นได้ดี และจุดเปลี่ยนจริงๆ อยู่ที่หลุม 15 ที่สามารถทำเบอร์ดี้ได้ ผมคิดว่ามันเป็นหนึ่งในช็อตที่ดีที่สุด ที่ทำให้ผมได้เปรียบก่อนจะมาคว้าแชมป์”
ขณะที่ ซาลาทอริส เจ้าของอันดับที่สองร่วม ได้กล่าวยกย่อง ฟิตซ์แพทริก ว่า “ต้องยกให้ แมท เลยที่เขาเล่นในหลุม 18 เป็นการเล่นที่ยอดเยี่ยม ช็อตหนึ่งในประวัติศาสตร์ยูเอส โอเพ่น ผมเดินไปดูไลน์กรีน และคิดว่ามีโอกาส แต่เขาก็ไม่พลาด ผมต้องยกย่องฟิตซ์แพทริก ว่าเขาเล่นดีตลอดสัปดาห์นี้”
สำหรับการคว้าแชมป์ของ ฟิตซ์แพทริก ครั้งนี้ให้เขาได้ครองถ้วยแชมป์เป็นเวลาหนึ่งปี พร้อมกับได้เหรียญเกียรติยศ แจค นิคลอส และได้สิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันยูเอส โอเพ่น 10 ปี ได้รับสิทธิ์ร่วมแข่งขันอีก 3 เมเจอร์ เดอะ มาสเตอร์ส, พีจีเอ แชมเปียนชิพ และ ดิ โอเพ่น เป็นเวลา 5 ปี
การแข่งขันกอล์ฟยูเอส โอเพ่น ครั้งที่ 122 ที่เดอะ คันทรี คลับ พาร์ 70 ชานเมืองบรู๊คไลน์ รัฐแมสซาชูเซตส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 16-19 มิถุนายน แข่งขันแบบสโตรกเพลย์ 72 หลุม 4 รอบ มีนักกอล์ฟชายร่วมแข่งขันทั้งสิ้น 156 คน โดยปีนี้เพิ่มเงินรางวัลรวมอีก 5 ล้านดอลลาร์ จากเดิม 12.5 ล้านไปเป็น 17.5 ล้านดอลลาร์หรือราว 612.1 ล้าน และแชมป์จะได้รับเพิ่มจากเดิม 2.25 ล้านดอลลาร์ หรือราว 79 ล้านบาทไปเป็น 3.15 ล้านดอลลาร์หรือราว 110.1 ล้านบาท นับเป็นสถิติเงินรางวัลรวมมากที่สุดจากเมเจอร์หลังจากที่เดอะ มาสเตอร์ส และ พีจีเอ แชมเปียนชิพ ที่เพิ่มเงินรางวัลก่อนหน้านี้
ข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ www.usga.org
เครดิตภาพ: USGA
เรียบเรียงโดย golfdigg
จองกรีนฟี ออกรอบกว่า 150 สนามกอล์ฟทั่วไทยกับ golfdigg ได้แล้ว
บนเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฟรีได้ที่