“ไรเดอร์คัพ” (Ryder Cup) อีกหนึ่งรายการแข่งขันกอล์ฟประเภททีมที่สำคัญอีกรายการหนึ่ง ที่มีผู้ชมให้ความสนใจและติดตามและรอคอยทั่วโลก รายการแข่งขันกอล์ฟที่วัดเรื่องของศักดิ์ศรีของมหาอำนาจก้านเหล็กทั้งสองฝั่ง อย่างสหรัฐอเมริกาและยุโรป ที่ต้องเดิมพันการแข่งขันด้วยศักดิ์ศรีและหน้าตาของทีมตัวเองไว้บนบ่า ซึ่งถือได้ว่าเป็นการแข่งขันกอล์ฟระดับตำนานที่จัดขึ้นโดยหลักการที่ว่า

“

Ryder Cup

เกียรติยศมีคุณค่าเหนือเงินตรา

”

HISTORY

ย้อนกลับไป 97 ปีก่อน หากนับ ๆ รวมก็เป็นเวลาเกือบศตวรรษแล้ว กอล์ฟรายการนี้ถือกำเนิดขึ้นในสกอตแลนด์ แบบไม่เป็นทางการเมื่อมีหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งซึ่งได้ตีพิมพ์หนังสือเกี่ยวกับกีฬากอล์ฟ เกิดความคิดว่าอยากจะมีแมตช์การแข่งขันกอล์ฟในระดับบนานาชาติระหว่างทีมสหรัฐฯ และทีมสหราชอาณาจักร ในรูปแบบการแข่งขันแบบยกทีม

โดยแรกเริ่มเดิมทีในปี 1921 รูปแบบของศึกแห่งศักดิ์ศรีนี้เกิดขึ้นในรายการกอล์ฟเล็ก ๆ ของนักกอล์ฟมือสมัครเล่น ที่จัดให้มีการแข่งขันกันระหว่างทีมสหราชอาณาจักรกับทีมสหรัฐฯ โดยในครั้งนั้นจัดแข่งขันกันที่สนามคิงส์ คอร์ส มีนักกอล์ฟตัวแทนจากสหราชอาณาจักร 10 คนและสหรัฐฯ 10 คนมาร่วมแข่งขันกัน   

ครั้งนั้นแบ่งการแข่งขันออกเป็นแบบโฟร์ซัม 5 แมตช์และแบบซิงเกิล 10 แมตช์ และเป็นทีมเจ้าถิ่นสหราชอาณาจักรชนะไป 10.5 ต่อ 4.5 ซึ่งนักกอล์ฟดังๆ ในยุคนั้นก็ร่วมแข่งขันกันคับคั่งทั้ง เจมส์ เบรด, แฮร์รี่ วาร์ดอนและ เอ เอช เทย์เลอร์ ของทีมเจ้าถิ่น ขณะที่สหรัฐฯ ก็นำมาโดย วอลเตอร์ ฮาเกน 

ในปี 1926 แซมมวล ไรเดอร์  (Samuel Ryder) นักธุรกิจค้าข้าวรายหนึ่งซึ่งหลงใหลในกีฬากอล์ฟ ตัดสินใจบริจาคเงินจำนวนหนึ่งจัดทำถ้วยรางวัล เพื่อให้การแข่งขันกอล์ฟรายการนี้เป็นทางการมากยิ่งขึ้น

ต่อมาในปี 1927 ถือเป็นการเริ่มเปิดศักราชการแข่งขัน Ryder Cup อย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกที่เมือง Worcester รัฐMassachusetts สหรัฐอเมริกา ที่ฝ่ายเจ้าบ้านนำทีมโดยวอลเตอร์ ฮาเกน เจ้าของตำนานเมเจอร์ 11 สมัย ส่วนทางด้านของสหราชอาณาจักร นำโดย เอดเวิร์ด เทด เรย์ และเป็นครั้งแรกที่มีการนำถ้วยของ แซมมวล ไรเดอร์ มาเป็นรางวัลอีกด้วย

โดยครั้งนี้จบลงด้วยสหรัฐอเมริกาเอาชนะสหราชอาณาจักรแบบขาดลอย 9 ครึ่ง ต่อ 2 ครึ่ง ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานศึกแห่งวงสวิงสุดคลาสสิค ก็ได้รับความสนใจจากนักกอล์ฟชาวไอริช ทำให้การแข่งขันในปี 1973, 1975 และ 1977 ชื่อของทีมการแข่งขันจึงถูกเปลี่ยนเป็นทีมสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ ก่อนพัฒนาไปสู่การฟาดฟันศักดิ์ศรีของประเทศมหาอำนาจ กับ ทวีปมหาอำนาจ อย่างสหรัฐอเมริกากับทวีปยุโรปในทุก ๆ 2 ปีเรื่อยมา ตราบจนปัจจุปัน

แม้จะมีสะดุดในยุคสงครามโลกครั้งที่  2 นานถึง 6 ปี (1939-1945) ก่อนจะกลับสู่ภาวะปกติ และกลับมาทำการแข่งขันอีกครั้ง จนกระทั่งอีกครั้งหนึ่งในปี 2001 ในเหตุการณ์ 9/11

ยุค American Domination

คือชื่อเรียกยุคทองของทีมสหรัฐฯ ในปี 1969 – 1983 เพื่อเป็นเกียรติแก่ชัยชนะ หลังจากคว้าชัยชนะ Ryder Cup ติดต่อกันถึง 8 สมัยซ้อน

ถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติ

หลายคนยังอาจจะไม่ทราบว่า ชื่อของ แซมมวล ไรเดอร์ (Samuel Ryder) เป็นอีกบุคคลหนึ่งที่นักธุรกิจค้าข้าวรายหนึ่งซึ่งหลงใหลในกีฬากอล์ฟ ตัดสินใจบริจาคเงินจำนวนหนึ่ง เพื่อให้การแข่งขันกอล์ฟรายการนี้เป็นทางการมากยิ่งขึ้น

รวมทั้งสั่งผลิตถ้วยรางวัลในการแข่งขันและใช้ชื่อเรียกว่า Ryder Cup ตามชื่อของตัวเอง โดยทีมที่ชนะในแต่ละปีจะได้จารึกชื่อทีมลงบนถ้วยรางวัลเกียรติยศนี้อีกด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นบนยอดถ้วยรางวัลยังปรากฏรูปของ Abe Mitchell โปรกอล์ฟชาวอังกฤษอันดับตัน ๆ ในยุคนั้น ผู้ซึ่งเป็นครูสอนกอล์ฟข้างกายของเขาที่คว้าชัยชนะก่อนก่อตั้ง Ryder Cup อย่างเป็นทางการ

RULES

ส่วนทางด้านของรูปแบบการแข่งขันก่อนที่จะสมบูรณ์แบบในปัจจุบันนั้น ในช่วงแรกของการแข่งขันRyder Cup ทำการแข่งขันเพียงแค่ 2 วันเท่านั้น คือแบบ Foursomes ประกบคู่แข่งขันและ Single ต่อมาถูกปรับให้เป็น 3 วัน เพื่อให้การแข่งขันสนุกมากยิ่งขึ้น โดยเพิ่มการแข่งขันแมตซ์เพลย์แบบ Four Balls ประกบคู่

ปัจจุบันกติกาการแข่งขันจะแบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ทีม ทีมละ 12 คน เพื่อแข่งกันทั้งหมด 28 เกม เป็นเวลา 3 วัน โดยในวันแรกใช้รูปแบบการแข่งแบบ Foursomes คือให้ผู้เล่น 2 คน จากแต่ละทีม ผลัดกันตีลูกกอล์ฟเพียงลูกเดียว ทั้งหมด 8 เกม 

ขณะที่วันที่สองการแข่งขันจะเป็นแบบ Four Balls คือผู้เล่น 2 คน จากแต่ละทีมต้องตีลูกกอล์ฟคนละลูก เพื่อทำคะแนนให้ได้ดีที่สุด ทั้งหมด 8 เกม

วันสุดท้าย การแข่งแบบ Single หรือการแข่งแบบเดี่ยว ผู้เล่นทั้ง 24 คนแข่งขันแบบสโตรกเพลย์ตามปกติ ทั้งหมด 12 เกม

ในส่วนการนับคะแนนยังคงกติกาแบบกอล์ฟสากล ทีมที่ชนะในแต่ละเกมจะได้คะแนนสะสม 1 คะแนน หากเสมอกันคะแนนจะถูกแบ่งทีมละครึ่งคะแนน เมื่อจบการแข่งขันรวมคะแนน 3 วัน ทีมที่ได้คะแนนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะไป

การจับคู่กันในแต่ละวันยังคงเป็นความลับของทีม Captain ของทั้งสองทีมจะเป็นผู้ส่งซองรายชื่อผู้เล่นที่จะลงแต่ละแมตช์ในเช้าของวันแข่งขัน

Did you Know

Ryder Cup 2018 Tiger is back…!!!

เรียกได้ว่าทำเอาบรรดากองเชียร์แต่ละฝ่ายร้องซี้ดกันไปตามๆ กันเมื่อ 2 ทีมที่จะลงดวลวงสวิงในศึกกอล์ฟประเภททีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดรายการหนึ่งของโลกอย่าง ไรเดอร์ คัพ ประกาศรายชื่อกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และครั้งนี้แต่ละทีมก็นำรวมซูเปอร์สตาร์ในวงการกอล์ฟมาไว้กันเพียบ และที่ฮือฮากว่าใครๆ ก็คงจะไม้พ้นการกลับมาอีกครั้งของ “พญาเสือ” ไทเกอร์ วูดส์

  การแข่งขันในปีนี้จะกลับมาเล่นกันที่ยุโรประหว่างวันที่ 27-30 กันยายน นี้ โดยใช้สนาม เลอ กอล์ฟ เนชันแนล (Le golf national) ในประเทศฝรั่งเศสเป็นสังเวียนการแข่งขัน หลังจากเมื่อ 2 ปีที่แล้วแข่งขันที่สหรัฐฯ ซึ่งในปีนี้เป็นอะไรที่น่าติดตามมากๆ ครับ เอาแค่เฉพาะกัปตันและรองกัปตันของแต่ละทีมก็เป็นนักกอล์ฟชื่อดังทั้งนั้น

Course

สำหรับสนามหลักในการแข่งครั้งนี้อย่าง Le golf national ในคอร์ส The Albatros ระยะ 7,331 หลา พาร์ 71 ถูกออกแบบให้มีความยากระดับที่นักกอล์ฟต้องกุมขมับ งัดทุกไม้ออกมาใช้ โดยไฮไลต์การแข่งขันคงหนีไม่พ้น 4 หลุมสุดท้ายที่รายล้อมไปด้วย water hazards ปราบเซียนกับแบบสุดๆ

ปัจจุบันสนาม Le golf national ถือเป็นสนามกอล์ฟแห่งชาติก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะสามารถจุคนได้กว่า 80,000 คน เรื่องของสาธารณูปโภคก็ครบครัน จึงมักถูกเลือกเป็นแลนด์มากสำคัญในการเปิดศึกวงสวิงมาแล้วหลายรายการ รวมถึงในอนาคตที่จะได้ต้อนรับนักกีฬากอล์ฟจากทั่วโลก ในกีฬาโอลิมปิก 2024 ที่ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพอีกด้วย

2018 Player and Hilight

ทีมยุโรป

สำหรับการแข่งขันในปีนี้ ทีมยุโรปภายใต้การนำทีมของกัปตันทีม ‘โทมัส บียอร์น’ และรองกัปตันอย่าง ลุค โดนัลด์ , แกรมม์ แม็คดาวน์ ,ลี เวสต์วูด, เปแดรก แฮร์ริงตัน และ โรเบิร์ต คาร์ลสัน ขณะที่ลูกทีมก็อัดแน่นไปด้วยดาราดังและฟอร์มดีอาทิ จัสติน โรส, รอรี แมคอิลรอย,ทอมมี่ ฟรีตวูด, ฟรานเชสโก โมลินารี่ และมือเก๋าอย่าง พอล เคซีย์,เฮนริค สเตนสันและ เอียน โพลเตอร์

ทีมสหรัฐฯ 

ส่วนทีมสหรัฐฯ ปีนี้ให้ ‘จิม ฟิวริค’ เป็นกัปตันทีม โดยมี เดวิด ดูวัล,แซค จอห์นสัน,แมตต์ คูชาร์,เดวิด เลิฟ เดอะ เธิร์ดด และ สตีฟ สตริคเกอร์ เป็นรองกัปตัน  ขณะทีมลูกทีมก็นำมาโดยดัสติน จอห์นสัน, จัสติน โทมัส, แพททริก รีด รวมทั้ง 2 นักกอล์ฟที่กำลังฟอร์มดีอย่าง บรูก เคปก้า และ ไบรสัน เดอชอมโบ

อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญและเป็นที่น่าจับตามองก็คือการกลับมาร่วมทีมไรเดอร์ คัพอีกครั้งของ ไทเกอร์ วูดส์ ซึ่งน่าจะช่วยเพิ่มสีสันและเรียกแฟนๆ ให้มาชมรายการนี้กันอย่างคับคั่งแน่นอน เพราะนับตั้งแต่พญาเสือกลับมาลงแข่งขันอย่างเต็มที่อีกครั้งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา เรตติ้งการชมกอล์ฟของแฟนๆ จากทั่วโลกก็กลับมาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขนาดตัวผมเองยังรู้สึกว่าอยากเห็นเขาลงเล่นและอยากกลับมาลุ้นกอล์ฟอีกครั้ง

View this post on Instagram

Thanks Akron, Firestone and Bridgestone for all the memories we've shared. It's been an honor. I’m going to miss birdieing that 18th hole.

A post shared by Tiger Woods (@tigerwoods) on Aug 5, 2018 at 3:25pm PDT

แน่นอนว่าความคาดหวังของแต่ละทีมก็น่าจะมีสูงเพราะยุโรปได้ลงเล่นในบ้านก็อยากที่จะทวงแชมป์กลับมาอีกครั้ง ขณะที่สหรัฐฯ ที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์ก็หมายมั่นที่จะเอาโทรฟี่นี้กลับบ้านให้ได้เช่นกัน ซึ่งเมื่อดูจากตัวผู้เล่นถือว่าไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบมากนัก เพราะช่วงนี้ถือว่าแต่ละคนกำลังฟอร์มดีด้วยกันทั้งคู่ คงต้องดูแล้วครับว่า ความเก๋าและความสด พลังหนุ่มของทีมไหนจะผสานงานกันได้ลงตัวมากกว่ากัน แต่ที่แน่ๆ ผมไม่พลาดแน่นอน

source : Ryder Cup

---

เรียบเรียงโดย golfdigg

จองกรีนฟี ออกรอบกว่า 150 สนามกอล์ฟทั่วไทยกับ golfdigg ได้แล้ว
บนเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฟรีได้ที่