News
6 เรื่องควรรู้ก่อนดู PGA Championship 2019
ศึกดวลวงสวิงรายการ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ 2019 รายการเมเจอร์ที่ 2 ของปีที่ระเบิดศึกกันระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคมนี้ ณ สนามเบธเพจ สเตจ ปาร์ค นิวยอร์ก สหรัฐฯ ถือเป็นอีกหนึ่งรายการที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะรวมบรรดาซูเปอร์สตาร์มือต้นๆ ของโลกที่ลงแข่งขันกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ยังเป็นการลุ้นการเปลี่ยนแปลงอันดับโลกที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากรายการนี้ โดยเฉพาะไทเกอร์ วูดส์ ที่กลับมาติดท็อปเท็นได้ นับตั้งแต่คว้าแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส มาครองเมื่อเมษายนที่ผ่านมา
ศึกดวลวงสวิงรายการ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ 2019 รายการเมเจอร์ที่ 2 ของปีที่ระเบิดศึกกันระหว่างวันที่ 16-19 พฤษภาคมนี้ ณ สนามเบธเพจ สเตจ ปาร์ค นิวยอร์ก สหรัฐฯ ถือเป็นอีกหนึ่งรายการที่น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะรวมบรรดาซูเปอร์สตาร์มือต้นๆ ของโลกที่ลงแข่งขันกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ยังเป็นการลุ้นการเปลี่ยนแปลงอันดับโลกที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากรายการนี้ โดยเฉพาะไทเกอร์ วูดส์ ที่กลับมาติดท็อปเท็นได้ นับตั้งแต่คว้าแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส มาครองเมื่อเมษายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี ระหว่างที่การแข่งขันกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด เรามีเกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ของการแข่งขันรายการนี้มาฝากท่านนักกอล์ฟกันครับ
1.แม็ก โฮมา เจ้าของแชมป์ เวลล์ ฟาร์โก แชมเปี้ยนชิพ รายการที่เพิ่งแข่งขันจบไปก่อนหน้านี้เพียง 1 สัปดาห์ สามารถคว้าแชมป์ตีไกล ประจำการแข่งขันพีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ ปีนี้ไปได้ด้วยสถิติ 318 หลา ที่หลุม 16 พาร์ 4 โดยมี แพทริค รีดและเคซีย์ รัสเซลล์ ตามมันเป็นอันดับที่ 2 ร่วมกันที่สถิติ 310 หลา ซึ่ง โฮมา จะได้รับคลิปทองคำพร้อมเงินรางวัลที่บริจาคให้การกุศลอีกจำนวน 25,000 เหรียญฯ โดยการแข่งขันตีไกลในพีจีเอ แชมเปี้ยนชิพนี้ มีการกลับมาแข่งขันกันอีกครั้งตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา
2.แชมป์เก่า บรู๊กส์ เคปก้า จะกลายเป็นนักกอล์ฟคนแรกที่สามารถป้องกันแชมป์รายการนี้ได้ 2 สมัยในรายการเมเจอร์ 2 จาก 4 รายการภายในปีเดียวกันทันที หากเขาคว้าแชมป์ในปีนี้มาครองได้สำเร็จ โดยก่อนหน้านี้ มีนักกอล์ฟเพียง 3 คนเท่านั้นที่เกือบจะทำได้สำเร็จ นั่นคือ เบน โฮแกน ที่พลาดการคว้าแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส ปี 1952 (เขาได้แชมป์ ยูเอส โอเพ่น ปี 1950, 1951 / เดอะ มาสเตอร์ส ปี 1951) อาร์โนลด์ พาลเมอร์ ไม่สามารถคว้าแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส ปี 1963 (เขาได้แชมป์ ดิ โอเพ่น ปี 1961,1962 และเดอะ มาสเตอร์ส 1962) สุดท้ายคือไทเกอร์ วูดส์ ที่เกือบทำได้ในรายการ ยูเอส โอเพ่น หรือ ดิ โอเพ่น 2001 (เขาได้แชมป์ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพปี 1999,2000 ยูเอส โอเพ่น ปี 2000 และดิ โอเพ่น ปี 2000)
3.หากย้อนกลับไปจนถึงรายการ ยูเอส โอเพ่น เมื่อเดือนมิถุนายน ปีที่แล้ว นี่จะเป็นรายการเมเจอร์ที่รวมนักกอล์ฟที่เล่นในรายการเมเจอร์ที่ผ่านมาทั้ง 4 รายการล่าสุดและสามารถทำคะแนนได้สูงสุด (ยูเอส โอเพ่น ,ดิ โอเพ่น, พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ 2018 และเดอะ มาสเตอร์ส 2019) : บรู๊กส์ เคปก้า (-25), ไทเกอร์ วูดส์ (-22) ฟรานเชสโก โมลินารี่ (-17) ซานเดอร์ ชาฟเฟเล่ (-16) และเวบบ์ ซิมป์สัน (-14)
4.ดัสติน จอห์นสัน ยอดนักกอล์ฟชาวอเมริกัน จะได้ลงแข่งขันในรายการนี้ในฐานะนักกอล์ฟมือ 1 ของโลก เป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน หลังจากที่เขาขึ้นๆ ลงๆ ในตำแหน่งนี้เมื่อช่วงปีที่ผ่านมา โดยครั้งล่าสุดที่เขาลงเล่นในพีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ ในอันดับโลกที่ไม่ได้เป็นมือ 1 ต้องย้อนไปเมื่อเดือนกรกฎาคม 2016 ซึ่งเป็นนักกอล์ฟเบอร์ 2 รองจาก เจสัน เดย์ โปรหนุ่มออสซี่
5.เหตุการณ์เดจาวู อาจจะเกิดขึ้นกับไทเกอร์ วูดส์ อีกครั้ง โดยเขาจะลงเล่นพีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ ที่สนามแห่งนี้เป็นรายการต่อจากที่เขาคว้าแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส มาเมื่อเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งมันซ้ำรอยกับเมื่อปี 2002 ครั้งที่ไทเกอร์ มาลงแข่งที่สนามแห่งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตและในปีนั้น ไทเกอร์ เพิ่งคว้าแชมป์เดอะ มาสเตอร์ส มาได้ ก่อนที่จะมาคว้าแชมป์ ยูเอส โอเพ่น ได้ที่นี่ และเป็นแชมป์เมเจอร์ที่ 6 ของเจ้าตัวอีกด้วย
6.ลูคัส โกลเวอร์ จะได้กลับมาลงแข่งขันที่ เบธเพจ อีกครั้ง หลังจากที่เขาเคยคว้าแชมป์เมเจอร์ ยูเอส โอเพ่น ปี 2009 ได้ที่สนามแห่งนี้มาแล้ว ซึ่งปีที่ผ่านมาเขาทำผลงานได้ดีพอสมควร โดยสามารถกระโดดจากอันดับ 136 ขึ้นมาอยู่ในอันดับ 83 ของโลกได้ หลังจากที่ฟอร์มตกไประยะหนึ่ง
เรียบเรียงโดย golfdigg
จองกรีนฟี ออกรอบกว่า 150 สนามกอล์ฟทั่วไทยกับ golfdigg ได้แล้ว
บนเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฟรีได้ที่