หลังจากห่างหายจากการออกรอบไปนานพอสมควรครับ วันนี้ผมก็ได้รับเชิญจากทาง BMW ให้มาร่วมงานกอล์ฟรอบไฟนอลของแมตช์ใหญ่ประจำปี BMW Golf Cup International National Final 2018 ซึ่งก็ไม่อาจจะปฏิเสธโอกาสแบบนี้ได้
หลายปีมาแล้วการแข่งขันกอล์ฟของ BMW มักเลือก สนามบันยัน กอล์ฟ คลับ หัวหิน เป็นแมตช์รอบชิงชนะเลิศกันที่นี่ ซึ่งจะบอกว่าเป็นสนามยากก็ไม่ใช่ จะง่ายมั้ยก็ไม่เชิงครับ แต่ที่รู้ ๆ คือสวย – ตีสนุกอย่างแน่นอน
สำหรับการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่และเฟ้นหาตัวแทนของประเทศไทยแบบนี้ เรื่องของความยากย่อมไม่เหมือนเคย ซึ่งนอกจากสนามจะใช้แท่นทีออฟด้านหลังสุดในหลาย ๆ หลุม สำหรับนักกอล์ฟชายที่มาแข่งขันกันแล้ว การปักธงในวันนี้ก็มีโหดหลาย ๆ หลุมเลยทีเดียวครับ
อย่างที่ทราบกันว่าสนามบันยันฯ เป็นสนามภูเขา แฟร์เวย์ก็จะเลาะไปตามเนินสูง-ต่ำ กรีนมีการเล่นสโลปหลอกเอาไว้หลายหลุมเลยทีเดียวครับ สิ่งที่เป็นอุปสรรคสำหรับมือที่เพิ่งหวนกลับมาจับไม้กอล์ฟในรอบหลายเดือนอย่างผม ก็คือการยืนในพื้นที่ไม่เท่ากัน หน้าสูงบ้าง ต่ำบาง หน้าทิ่มหรือหงายบ้าง แถมด้วยระยะที่ยาวกว่าหมุดปกติที่เคยเล่น ดังนั้นผมจึงต้องการตัวช่วยแบบด่วน ๆ เลยครับ
และแล้วสวรรค์ก็เมตตาส่งอัศวินม้าขาวลงมาทันที นั่นคือไดร์ฟเวอร์รุ่นใหม่จากไทเทิลลีสต์ (Titleist) ที่เพิ่งเผยโฉมออกสู่ตลาด (Titleist TS Drivers – Fairways ประสิทธิภาพที่เหนือกว่าที่เกิดขึ้นจาก Project Titleist Speed (TEST DRIVE) ด้วยคอนเซปต์ที่บอกว่า “ตีไกลและตีง่าย” ซึ่งของแบบนี้ต้องลองจริง ๆ ถึงจะรู้
ว่าแล้วผมก็หยิบมันขึ้นมาใช้ในหลุมแรกทันทีครับ
ไดร์ฟเวอร์ที่ผมเอามาทดสอบมี 2 รุ่น คือ ก้าน kurokage 50 กรัมที่ใส่มากับหัว TS3 และ ก้าน Tense 55 กรัมที่มากับหัวรุ่น TS2 พร้อมตัวปรับที่เขาติดมาให้ด้วย แต่ผมก็ยังไม่อยากลองเสี่ยงปรับใด ๆ ขอลองแบบที่เขาให้มาเลยดีกว่า
สำหรับ TS3 เท่าที่ได้ลองหลาย ๆ หลุมจะให้วิถีลูกที่ค่อนข้างต่ำและพุ่ง เสียงจะดังตึบ ๆ หนักแน่นหน่อยครับ ใส่มากับก้านที่เบาหน่อยทำให้ตีแบบผ่าน ๆ ลูกจะวิ่งตรงดีมาก ทำระยะได้ยอดเยี่ยมกว่าที่คิดเอาไว้ แต่ถ้าลองเพิ่มแรงเข้าไปหน่อยการควบคุมทิศทางอาจจะทำได้ไม่ดี ลูกจะเลี้ยวนิด ๆ ออกขวา
ในหลุมต่อ ๆ มาผมเลยลอง TS2 บ้างกับก้านที่หนักขึ้นเล็กน้อย วิถีของลูกกอล์ฟจะโด่งกว่า TS3 ครับ เสียงจะดังกังวานกว่า ใครที่ชอบเรื่องเสียงแนะนำตัวนี้เลย ส่วนก้านนี้ตีแบบใส่ ๆ หน่อยยังพอคุมได้อยู่ครับ ส่วนตัวผมชอบตีแบบผ่าน ๆ ก็พอ ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้คือตรงและไกลจริง ๆ ที่สำคัญที่สุดคือ “ตีง่ายมาก” เพราะผมไม่ได้ใช้ไดร์ฟเวอร์มากว่า 2 ปีแล้ว ยังทำผลงานได้ดีพอสมควรเลยครับ (จำได้ว่าลูกออกจากแฟร์เวย์ประมาณ 3 หลุมเอง)
วันที่ผมไปเล่นกอล์ฟ แม้อากาศจะไม่ร้อนมาก แต่ก็มีความอบอ้าวหน่อย ๆ เพราะยังไม่มีลมหนาวพัดผ่าน อุปสรรคเรื่องลมเลยจะน้อย จะมามีลมแรง ๆ ก็ตรงหลุมซิกเนเจอร์ของเขาที่หลุม 15 ซึ่งเป็นพาร์ 3 ระยะประมาณ 140 กว่าหลา
การมาตีกอล์ฟที่สนามนี้นอกจากความท้าทายที่มีทุกรูปแบบแล้ว คุณจะสนุกกับการออกรอบพร้อมวิวที่สวย มุมมองแบบกว้าง ๆ จนทำให้เพลิดเพลินและลืมไปเลยว่า
“อ้าว! เราเดินมาถึงกรีนหลุมสุดท้ายแล้วหรือนี่”
ผมยังแอบอิจฉาผู้ที่มีโอกาสได้มาสัมผัสกับการแข่งขันกอล์ฟระดับมาตรฐานของ BMW อยู่ทุกปี เพราะถ้าหากชนะเลิศยังได้เชิญไปแข่งขันในระดับโลกในฐานะตัวแทนประเทศไทยอีกด้วยครับ (อ่าน: BMW Golf Cup International National Final 2018 ได้ 3 นักกอล์ฟตัวแทนประเทศไทยคว้าตั๋วลุยแดนจังโก้ ลุ้นแชมป์ เวิล์ด ไฟนอล 3 ปีซ้อน)
ใครที่เป็นสาวกรถยนต์ค่ายนี้และเล่นกอล์ฟอยู่แล้ว บอกได้เลยครับว่าห้ามพลาดรายการนี้อย่างเด็ดขาด! แล้วปีหน้ามาเจอกันอีกครั้งครับ
วัฒนพงษ์ พรรณา Columnist
เรียบเรียงโดย golfdigg
จองกรีนฟี ออกรอบกว่า 150 สนามกอล์ฟทั่วไทยกับ golfdigg ได้แล้ว บนเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฟรีได้ที่