Connect with us

News

LPGA Tour ประกาศโปรแกรมปี 2020 กว่า 33 รายการ พร้อมเพิ่มเงินรางวัลกว่า 2.3พันล้าน

แอลพีจีเอทัวร์ประกาศโปรแกรมการแข่งขันฤดูกาล 2020 ทั้งหมด 33 รายการทางการทั่วโลกกว่า 11 ประเทศ และเขตบริหารปกครองพิเศษ พร้อมเพิ่มเงินรางวัลรวม 75.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือราว 2,328.1 ล้านบาทมากที่สุดในประวัติศาสตร์ทัวร์

Published

on

แอลพีจีเอทัวร์ประกาศโปรแกรมการแข่งขันฤดูกาล 2020 ทั้งหมด 33 รายการทางการทั่วโลกกว่า 11 ประเทศ และเขตบริหารปกครองพิเศษ พร้อมเพิ่มเงินรางวัลรวม 75.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือราว 2,328.1 ล้านบาทมากที่สุดในประวัติศาสตร์ทัวร์

โดยฤดูกาล 2020 ของ LPGA จะเริ่มต้นในรายการไดมอนด์ รีสอร์ท ทัวร์นาเมนท์ ออฟ แชมเปี้ยนส์ (DIAMOND RESORTS TOURNAMENT) ที่รัฐฟลอริด้า นำเอาแชมป์ 2 ฤดูกาลล่าสุดร่วมแข่งขันช่วงกลางเดือนมกราคม ทำให้รัฐฟลอริด้าจะมี 4 รายการเนื่องจากมีราการใหญ่เพิ่มเข้ามาอีก 2 รายการคือ เดอะเกนบริดจ์ แอลพีจีเอ (GAINBRIDGE LPGA) ที่โบคา ริโอ ระหว่างวันที่ 23-26 มกราคม และ พีลิแคน วีเมนส์ แชมเปี้ยนชิพ (pelican women’s championship ) ที่เบลล์แอร์ ระหว่างวันที่ 15-17 พฤศษภาคม และรายการ ซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ (CME Group Tour Championship) รายการปิดท้ายฤดูกาลเหมือนเดิม

หลังจากที่เปิดในสหรัฐอเมริกาแล้วข้ามมาเอเชียแปซิฟิกที่ออสเตรเลียเข้ามาประเทศไทยรายการ ฮอนด้า แอลพีจีเอ ไทยแลนด์ (HONDA LPGA THAILAND) ระหว่างวันที่ 20-23 กุมภาพันธ์ ชิงเงินรางวัลรวม 1.6 ล้านดอลลาร์ และไปสิงคโปร์ ก่อนจะไปที่จีนรายการ บลูเบย์ กลับมาเหมือนเดิมหลังจากปี 2019 ไม่ได้แข่งขัน และฤดูกาล 2020 จะแข่งขันระหว่างวันที่ 5-8 มีนาคม

รายการเมเจอร์เพิ่มเงินรางวัลทั้งรายการเอเอ็นเอ อินสปิเรชั่น (ANA Inspiration) เมเจอร์แรกแห่งปีจะเพิ่มอีก 100,000 ดอลลาร์ เป็น 3.1 ล้านดอลลาร์ รายการวีเมนส์ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ เมเจอร์ที่สามแห่งปี จะเพิ่ม 450,000 ดอลลาร์ จากปี 2019 เป็น 4.3 ล้านดอลาร์

ส่วนรายการอื่นๆที่เพิ่มเงินรางวัลมีซีพี วีเมนส์ โอเพ่น ที่แคนาดาเพิ่ม 100,000 ดอลลาร์ เป็น 2.35 ล้านดอลลาร์ รายกมายเจอร์ แอลพีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ เพิ่ม 300,000 ดอลลาร์ เป็น 2.3 ล้านดอลลาร์ รายการมาราธอน แอลพีจีเอ คลาสสสิก เพิ่ม 100,000 ดอลลาร์ เป็น 1.85 ล้านดอลลาร์ และรายการวอลันเทียร์ส ออฟ อเมริกา คลาสสิก เพิ่ม 100,000 ดอลลาร์ เป็น 1.4 ล้านดอลลาร์

ช่วงต้นเดือนสิงหาคมจะมีรายการเอวิยอง แชมเปี้ยนชิพ (Evian Championship) ที่ฝรั่งเศสตามด้วย เลดี้ส์ สกอตติช โอเพ่น (ladies scottish open 2020) ที่แคว้นสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร ก่อนจะหยุดพักเพื่อให้นักกอล์ฟเข้าร่วมแข่งขันกีฬาโอลิมปิก (OLYMPIC) ที่ประเทศญี่ปุ่นนำเอา 60 นักกอล์ฟจากคะแนนสะสมโลก(15 อันดับแรกแต่ละชาติติดมากที่สุดไม่เกิน 4 คน หลังจากนั้นจะได้ชาติละไม่เกิน 20 คน) เป็นตัวแทนทีมชาติ โดยกอล์ฟหญิงระหว่างวันที่ 5-8 สิงหาคม

สำหรับกอล์ฟทีมหญิง 4 คนยูแอล อินเตอร์เนชั่นแนล คราวน์ (UL International Crown) จะแข่งขันที่เซนเทูเรียน คลับ ชานกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ระหว่างวันที่ 27-30 สิงหาคม มีเงินรางวัลรวม 1.6 ล้านดอลลาร์ นำเอา 8 ยอดทีม เข้าร่วมแข่งขันโดยสามครั้งแรกสเปนแชมป์เมื่อปี 2014 สหรัฐอเมริกา คว้าแชมป์ปี 2016 และเกาหลีใต้คว้าแชมป์ทีมล่าสุดเมื่อปี 2018

 

นอกจากนี้แล้วแอลพีจีเอทัวร์ยังมีรางวัลใหญ่ที่จะให้นักกอล์ฟได้ไล่ล่ากันสามรางวัลมี Aon Risk Reward Challenge ซึ่งเป็นการนำคะแนนสะสมจากหลุมยากที่ทางทัวร์กำหนดในแต่ละรายการของฤดูกาลปกติจะได้รับเงินรางวัลโบนัส 1 ล้านดอลลาร์ซึ่งปีแรก การ์โลต้า ชีกานดา จากสเปนคว้ารางวัลนี้ไป และรางวัลนักกอล์ฟติดท็อป 10 มากที่สุดจะได้รับรางวัลโบนัส 100,000 ดอลลาร์ รางวัลนี้ตั้งครั้งแรกปี 2018 เอรียา จุฑานุกาล โปรสาวไทยคว้าไปครอง และปี 2019 โค จิน-ยอง จากเกาหลีใต้ และยังมีรางวัลเแชมป์จากซีเอ็มอี กรุ๊ป ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ 1.5 ล้านดอลลาร์มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของกอล์ฟหญิงนำเอา 60 นักกอล์ฟทำคะแนนสะสมเรซทู ซีเอ็มอี โกลบ ร่วมแข่งขันปิดท้ายฤดูกาล

ในขณะที่กาารถ่ายทอดทางโทรทัศน์นั้นในปี 2020 จะมีการถ่ายทอดไปทั่วโลกโลกกว่า 500 ชั่วโมง รวมทั้งถ่ายทอดทางทีวีเน็ตเวิร์กอีกอย่างน้อย 7 รายการ แฟนกอล์ฟจะได้ชมไปกว่า 175 ประเทศ และกว่า 500 ล้านครัวเรือน

ไมค์ วาน ประธานบริหารแอลพีจีเอทัวร์เผยว่า“ขณะนี้เราจะปิดฤดูกาล 2019 และเคลื่อนเข้าสู่ปี 2020 ไม่มีอะไรที่ผมจะตื่นเต้นได้มากไปกว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นที่แอลพีจีเอทัวร์ และสปอนเซอร์ต่างๆที่สนับสนุนเราซึ่งปีหน้านี้จะมีเงินรางวัลรวม 75.1 ล้านดอลลาร์นั่นเป็นสิ่งที่พิสูจน์ที่เราได้รับการสนับสนุนจากสปอนเซอร์ และพาร์ทเนอร์จากทั่วโลก ผมเองก็รับตำแหน่งประธานบริหารทศวรรษที่สองแอลพีจีเอทัวร์เข้าสู่ยุคใหม่แล้วเติบโตอย่างต่อเนื่องแม้ว่าเราจะพูดถึงยุคใหม่แเราก็ยังคงทำในยุคนี้ผมทราบดีว่ามีแฟนๆของเราเข้าใจแตกต่างกันว่าพวกเราทำเพื่อกอล์ฟหญิงในอเมริกา แต่พวกเขาก็ทึ่งกับสิ่งที่เราสามารถทำให้ทัวร์กลายเป็นทัวร์ของกอล์ฟหญิงทั่วโลก”

และยังมีซีเมทราทัวร์ (Symetra Tour) ซึ่งเป็นทัวร์รองของแอลพีจีเอแข่งขันอย่างน้อย 20 รายการเพื่อต่อสู้แย่งชิงทัวร์การ์ด 10 อันดับเลื่อนขึ้นไปเล่นในแอลพีจีเอในฤดูกาลถัดไป

สำหรับการแข่งขันคัดเลือกแอลพีจีเอทัวร์คิว-ซีรี่ส์ จะยังแข่งขัน 2 สนาม ของไพน์เฮิร์สต์ ที่รัฐนอร์ทแคโรไลน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา ระหว่างวัน 19-31 ตุลาคม รวมทั้งหมด 8 รอบเพื่อหานักกอล์ฟ 45 อันดับหรือร่วมได้ทัวร์คาร์ดเล่นในแอลพีจีเอทัวร์ต่อไป



เรียบเรียงโดย golfdigg

จองกรีนฟี ออกรอบกว่า 150 สนามกอล์ฟทั่วไทยกับ golfdigg ได้แล้ว
บนเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฟรีได้ที่