News

Titleist เปิดตัวลูกกอล์ฟ Series 2020 AVX, Velocity, TourSoft เจาะกลุ่มนักกอล์ฟทุกกลุ่ม

Titleist เปิดตัวลูกกอล์ฟซีรี่ย์ใหม่ของปี 2020 ได้แก่ รุ่น AVX, Velocity, TourSoft ที่เหมาะกับการเล่นกอล์ฟของทุกกลุ่มนักกอล์ฟด้วยประสิทธิภาพใหม่ที่ดีขึ้น ไกลขึ้น และนุ่มขึ้น

Published

5 years ago

January 23, 2020

Boyd Pongsak

Titleist AVX

ความเร็วสูงขึ้น ตีไกลขึ้น ให้การควบคุมที่ดีขึ้น แกนใน และเปลือกนอก เทคโนโลยีใหม่ ให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นรอบด้าน และให้ความรู้สึกนุ่มยิ่งขึ้น

วางตลาด: วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ราคาวางจำหน่าย: ราคาต่ำสุดในการโฆษณา (MAP) ที่โหลละ 1,999 บาท

ลูกกอล์ฟ Titleist AVX เจนเนอเรชั่นล่าสุด ถูกออกแบบให้สร้างความเร็วลูกกอล์ฟได้สูงขึ้น ตีได้ไกลขึ้น และให้สปินสูงขึ้นในการเล่นลูกสั้น – พัฒนาจากเทคโนโลยีลูกกอล์ฟโครงสร้างแบบหลายชั้นนวัตกรรมล่าสุด ซึ่งได้ผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยม สำหรับนักกอล์ฟที่ให้ความสำคัญกับระยะ และความนุ่มนวลมากเป็นพิเศษ จากลูกกอล์ฟแบบพรีเมียม

วางตลาดครั้งแรกในปี 2018 หลังจากทดสอบการตลาดแบบเจาะลึกถึงสี่เดือน AVX ถูกพัฒนาให้เป็นลูกกอล์ฟประสิทธิภาพสูงระดับพรีเมียม เป็นทางเลือกคู่กับลูกกอล์ฟ Titleist Pro V1 และ Pro V1x ที่เป็นผู้นำตลาดในปัจจุบัน –AVX เป็นลูกกอล์ฟระดับพรีเมียมของ Titleist ให้วิถีลูกต่ำที่สุด สปินต่ำที่สุด และความรู้สึกนุ่มที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับ Pro V1 และ Pro V1x

ตั้งแต่แกนในจนถึงเปลือกนอก ทุกส่วนประกอบของลูกกอล์ฟ Titleist AVX รุ่นใหม่ ถูกออกแบบขึ้นใหม่ทั้งหมด ให้มีประสิทธิภาพดีขึ้นในทุกด้าน ตั้งแต่การเล่นบนแท่นที ถึงกรีน:

• เครื่องยนต์ของ 2020 AVX – แกนในสูตรใหม่ มีค่าคอมเพรสชั่นต่ำ ขนาดใหญ่ขึ้น – ทำงานร่วมกันกับเปลือกหุ้มแกนในแบบใหม่ ที่มีความยืดหยุ่นสูง สร้างความเร็วลูกกอล์ฟได้สูงขึ้น และให้สปินต่ำลงในช็อตยาว เป็นผลให้นักกอล์ฟตีได้ไกลขึ้น

• เปลือกนอกแบบใหม่ ที่บางลง ทำจากยูรีเทน ผ่านกระบวนการแคส – สูตรเฉพาะสำหรับ AVX ที่คิดค้นโดยนักเคมีของทีมวิจัย และพัฒนาลูกกอล์ฟ Titleist – สร้างสปินได้สูงขึ้น และให้ประสิทธิภาพในการควบคุมที่ดีขึ้น ในการเล่นลูกสั้นรอบกรีน

• การเพิ่มขนาดของแกนใน เป็นผลให้ AVX ให้ความรู้สึกนุ่มมากยิ่งขึ้น

ลูกกอล์ฟ AVX รุ่นใหม่ วางตลาดทั้งรุ่น สีขาว และสีเหลือง high optic วางตลาดในประเทศไทย วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

“จากช่องทางต่างๆที่เราสื่อสารกับนักกอล์ฟ เราพบกับนักกอล์ฟจำนวนมากที่บอกกับเราว่า ‘AVX เป็นลูกกอล์ฟที่พวกเขารอคอย’ ” Frederick Waddell, Senior Product Manager, Titleist Golf Balls กล่าว “ในเวลาเดียวกัน เราต้องการข้อมูลจากนักกอล์ฟเหล่านี้ เพื่อให้เข้าใจได้ดียิ่งขึ้นว่า เขารู้สึกอย่างไรกับประสิทธิภาพด้านต่างๆของ AVX และเราจะทำอย่างไรเพื่อให้พวกเขาทำคะแนนได้ต่ำลง การพัฒนาประสิทธิภาพของ AVX เป็นผลมาจากการค้นคว้าแบบเจาะลึกของทีมวิจัย และพัฒนา ที่ช่วยยกระดับประสิทธิภาพของ AVX ให้สูงขึ้นไปอีกขั้น – และนักกอล์ฟจะได้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น ในทุกด้านของเกมการเล่น AVX รุ่นใหม่ สร้างความเร็วได้สูงขึ้น และตีไกลขึ้น ให้ประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในการเล่นรอบกรีน และให้ความรู้สึกที่นุ่มยิ่งขึ้น ความรู้สึกที่นักกอล์ฟชื่นชอบจากลูกกอล์ฟรุ่นนี้”

ลูกกอล์ฟ AVX ทุกลูก ผลิตโดยพนักงานของ Titleist ในโรงงานผลิตลูกกอล์ฟ Ball Plant 3 ของ Titleist เพื่อให้มีประสิทธิภาพ และคุณภาพสูงที่สุด ในอุตสาหกรรมนี้ และเพื่อให้มั่นใจว่า ลูกกอล์ฟทุกลูก และลูกโหล มีความสม่ำเสมอสูงสุด

ประสิทธิภาพ และเทคโนโลยีของ 2020 AVX

AVX เป็นลูกกอล์ฟโครงสร้างแบบหลายชั้น ระดับพรีเมียม ประสิทธิภาพสูง ค่าคอมเพรสชั่นต่ำ แกนใน เปลือกนอก และรอยบุ๋ม ที่มีลิขสิทธิ์เฉพาะ ประสิทธิภาพที่สูงขึ้นของ 2020 AVX เป็นผลมาจากเทคโนโลยีเหล่านี้:

• แกนในแบบใหม่ สูตรใหม่ และมีขนาดใหญ่ขึ้น สร้างความเร็วได้สูง และให้สปินต่ำลงในช็อตยาว ทำให้ตีได้ไกลขึ้น พร้อมความรู้สึกนุ่ม ขณะหน้าไม้ปะทะลูก

• เปลือกหุ้มแกนในแบบใหม่ ความยืดหยุ่นสูง ช่วยให้สร้างความเร็วลูกกอล์ฟได้สูงขึ้น และให้สปินต่ำลง ในการเล่นช็อตยาว ทำให้ตีได้ไกลขึ้น

• เปลือกนอกแบบใหม่ ที่บางลง ทำจากยูรีเทนผ่านกระบวนการแคส สูตรใหม่จากทีมวิจัยและพัฒนาลูกกอล์ฟ Titleist สร้างความเร็วลูกกอล์ฟได้สูงขึ้น ให้สปินสูงขึ้น และประสิทธิภาพในการควบคุมลูกที่ดีขึ้น ในการเล่นรอบกรีน

• การออกแบบรอยบุ๋มแบบใหม่ ที่ให้คุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ที่ดียิ่งขึ้น ให้วิถีลูกพุ่งต่ำอย่างทรงพลัง และให้วิถีลูกที่สม่ำเสมอในการเล่นทุกช็อต

Titleist Velocity

สีด้านแบบใหม่ แกนในใหม่ และคุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ที่ดียิ่งขึ้น ตีได้ไกลขึ้น และลูกหยุดได้ดีขึ้น เมื่อตีด้วยเหล็ก

วางตลาด: วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ราคา: ราคาต่ำสุดในการโฆษณา (MAP) ที่โหลละ 1,099 บาท

ทุกส่วนประกอบของลูกกอล์ฟ Titleist Velocity รุ่นใหม่ ถูกออกแบบให้สร้างความเร็วได้สูงสุด รวมถึง คุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ และแกนในแบบใหม่ ที่ทำให้ลูกกอล์ฟรุ่นนี้ เป็น Velocity ที่ตีได้ไกลที่สุด และให้ประสิทธิภาพดีที่สุด เท่าที่เคยมีมา นักกอล์ฟสามารถสัมผัสได้ถึงความเร็วอย่างมีสไตล์ของ Velocity กับสีด้านแบบใหม่ ที่วางตลาดถึงสามสี – สีชมพู เขียว และส้ม

วางตลาดในประเทศไทย วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ลูกกอล์ฟ 2020 Velocity พัฒนาขึ้นจากความต้องการ และความคิดเห็นของนักกอล์ฟ ด้วยนวัตกรรมล่าสุด ที่มาจากห้องปฏิบัติการของทีมวิจัยและพัฒนาลูกกอล์ฟ Titleist:

• นวัตกรรมการออกแบบรอยบุ๋มแบบใหม่ 350 octahedral ให้วิถีลูกสูง และสม่ำเสมอยิ่งขึ้น ทำให้ตีได้ไกลขึ้น

• เครื่องยนต์ของ Velocity – แกนใน LSX ขนาดใหญ่ขึ้น สร้างความเร็วได้สูงขึ้น – ให้ความเร็วที่สูงขึ้น เมื่อลูกกอล์ฟออกจากหน้าไม้ อีกทั้งยังให้สปินต่ำมาก ในการตีเต็มวงทุกช็อต ช่วยให้นักกอล์ฟตีได้ไกลที่สุด

• การเพิ่มขนาดแกนใน ช่วยเพิ่มสปินของลูก ทำให้ลูกกอล์ฟหยุดได้เร็วขึ้น ในช็อตแอพโพรส

“นักกอล์ฟที่ใช้ Velocity รักการตีไกล และไม่เคยหยุดถามเรา ให้สร้างลูกกอล์ฟที่ตีได้ไกลขึ้นอีก” Michael Mahoney, Vice President, Titleist Golf Ball Marketing กล่าว “แต่เราทราบดีว่า พวกเขาก็ต้องการที่จะทำคะแนนให้ต่ำลงเช่นกัน และระยะ ก็เป็นแค่หนึ่งองค์ประกอบที่จะช่วยให้ทำได้สำเร็จ ด้วยความก้าวหน้าทางวิศวกรรม ทำให้ Velocity มีคุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ที่ดีขึ้น และมีแกนในที่สร้างความเร็วได้สูงขึ้น ซึ่งช่วยเกมการเล่นได้จริง นักกอล์ฟสามารถตั้งเป้าหมายได้สูงขึ้น สามารถมั่นใจได้ว่า ถ้าสวิงได้ดี จะตีได้ไกลขึ้น จนถึงกรีน และลูกกอล์ฟจะหยุดที่นั่น จากวิถีลูกที่เหมาะสม

ลูกกอล์ฟ Velocity รุ่นใหม่ ผลิตโดยพนักงานของ Titleist ที่โรงงานผลิตลูกกอล์ฟ Titleist – Ball Plant 2 ในเมือง North Dartmouth รัฐ Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อความมั่นใจในการควบคุมคุณภาพ และประสิทธิภาพ ให้มีความสม่ำเสมอมากที่สุด ในลูกกอล์ฟทุกโหล และทุกลูก

ประสิทธิภาพและเทคโนโลยีของ VELOCITY

ลูกกอล์ฟ Titleist Velocity รุ่นใหม่ ตีไกลขึ้น และให้สปินต่ำมากในช็อตยาว ให้วิถีลูกสูง และลูกกอล์ฟหยุดบนกรีนได้ดี เมื่อตีด้วยเหล็ก อันเป็นผลมาจากเทคโนโลยีเหล่านี้:

• แกนใน LSX แบบใหม่ ขนาดใหญ่ขึ้น สร้างความเร็วได้สูงขึ้น ให้ความเร็วลูกกอล์ฟสูงขึ้น และสปินต่ำมาก ในช็อตเต็มวง ให้ระยะแครี่ไกลขึ้น ขนาดของแกนในที่เพิ่มขึ้น ช่วยเพิ่มสปิน ทำให้ลูกกอล์ฟหยุดได้ดีขึ้น เมื่อตีด้วยเหล็ก

• เปลือกนอก NaZ+ ความเร็วสูง ออกแบบให้สร้างความเร็วได้สูง และให้การควบคุมที่ดี ในการเล่นลูกสั้นรอบกรีน

• รอยบุ๋มแบบใหม่ 350 octahedral ให้วิถีลูกสูง และสม่ำเสมอ ทำให้ตีช็อตยาวได้ไกลขึ้น

Tour Soft

ประสิทธิภาพที่แท้จริงพร้อมความรู้สึกตอบสนองที่ยอดเยี่ยม2020 Tour Soft ตีไกลขึ้น ให้ประสิทธิภาพในการเล่นลูกสั้นที่ดีขึ้น พร้อมเส้นช่วยเล็งทิศทางแบบใหม่

วางตลาด: ในประเทศไทย วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

ราคา: ราคาต่ำสุดในการโฆษณา (MAP) ที่โหลละ 1,399 บาท

ลูกกอล์ฟ Titleist ที่มีแกนในใหญ่ที่สุด เท่าที่เคยมีมา ทำให้ตีได้ไกลขึ้น และให้ประสิทธิภาพในการเล่นลูกสั้นที่ดีขึ้น ลูกกอล์ฟ Titleist Tour Soft วางตลาดในประเทศไทย วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563

Titleist Tour Soft วางตลาดครั้งแรก เมื่อสองปีก่อน ผลิตด้วยวัสดุ และกระบวนการผลิตแบบใหม่ ทำให้มีประสิทธิภาพดีที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับลูกกอล์ฟประเภทเดียวกัน – ให้การผสมผสานที่ยอดเยี่ยม ของความนุ่มแบบลูกกอล์ฟคอมเพรสชั่นต่ำ สร้างความเร็วได้สูง ตีไกล และให้สปิน และประสิทธิภาพในการควบคุมที่ดี ในการเล่นลูกสั้น

สำหรับนักกอล์ฟที่ชื่นชอบลูกกอล์ฟที่ให้ความรู้สึกนุ่ม ลูกกอล์ฟ 2020 Tour Soft ได้รับการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน ให้ประสิทธิภาพที่แท้จริง ที่ช่วยให้นักกอล์ฟเล่นได้ดีขึ้น:

• ลูกกอล์ฟ Titleist ที่มีแกนในใหญ่ที่สุด มีแกนในที่ใหญ่ขึ้นอีกในรุ่นใหม่ สร้าง ความเร็วลูกกอล์ฟได้สูงขึ้น ทำให้ตีได้ไกลจากแท่นที

• แกนในที่ขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้เราต้องสร้างเปลือกนอกประสิทธิภาพสูง ที่บางลง ด้วยระบบ 4CE Grafted ซึ่งช่วยเพิ่มสปินในการเล่นลูกสั้น

• คุณสมบัติทางอากาศพลศาสตร์ที่ดียิ่งขึ้น – รอยบู๋มแบบใหม่ 342 cuboctahedron – ให้วิถีลูกพุ่งอย่างทรงพลังยิ่งขึ้น

• เส้นช่วยเล็งทิศทางแบบสองเส้น เป็นเส้นเล็งแบบใหม่ของ ลูกกอล์ฟ Tour Soft มีลักษณะแบบรูปตัว “T” ช่วยให้นักกอล์ฟ เล็งทิศทางได้ง่ายขึ้น ทั้งบนแท่นที และบนกรีน

“นักกอล์ฟต้องการลูกกอล์ฟที่ให้ความรู้สึกนุ่ม ไม่ควรจะต้องเสียระยะ ในการตีจากแท่นที หรือประสิทธิภาพในการควบคุมลูกลดลง เมื่อตีเข้ากรีน เราทราบดีว่า ในการเล่นกอล์ฟ ลูกกอล์ฟที่ยอดเยี่ยมต้องมีประสิทธิภาพที่ดีรอบด้าน ไม่ใช่แค่ความนุ่ม” Michael Mahoney, Vice President, Titleist Golf Ball Marketing กล่าว “ลูกกอล์ฟ Tour Soft รุ่นใหม่ แสดงให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาเพื่อค้นหาสิ่งที่เป็นไปได้ ในการออกแบบลูกกอล์ฟที่มีค่าคอมเพรสขั่นต่ำ ทีมวิศวกรของเรา พัฒนาลูกกอล์ฟรุ่นนี้ให้ตีได้ไกลขึ้น ให้ประสิทธิภาพสูงรอบด้าน และยังให้ความรู้สึกนุ่ม และความรู้สึกตอบสนองที่นักกอล์ฟชื่นชอบ”

ลูกกอล์ฟ Tour Soft รุ่นใหม่ วางตลอดทั้ง รุ่นสีขาว และสีเหลือง high-optic ผลิตโดยพนักงานของ Titleist ที่โรงงานผลิตลูกกอล์ฟ Ball Plant 2 ของ Titleist ในเมือง North Dartmouth รัฐ Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อความมั่นใจในการควบคุมคุณภาพ และประสิทธิภาพ ให้มีความสม่ำเสมอมากที่สุด ในลูกกอล์ฟทุกโหล และทุกลูก

เส้นช่วยเล็งทิศทางแบบใหม่

เส้นช่วยเล็งทิศทางของ Tour Soft ถูกออกแบบขึ้นใหม่ สำหรับรุ่นปี 2020 โดยออกแบบเป็นเส้นตรงสองเส้น คล้ายตัว “T” – นักกอล์ฟสามารถใช้ Tour Soft ในการเล็งทิศทางได้ง่ายขึ้น ทั้งจากแท่นที และบนกรีน โดยไม่จำเป็นต้องขีดเส้นบนลูกกอล์ฟ

“เมื่อเราเริ่มต้น ให้นักกอล์ฟได้เลือกรูปแบบของเส้นช่วยเล็ง จากการสั่งซื้อลูกกอล์ฟแบบคัสตอมผ่าน My Titleist (ในเว็ปไซต์ Titleist.com) ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018 เส้นเล็งรูปแบบนี้ เป็นหนึ่งในเส้นเล็งที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในการสั่งซื้อของนักกอล์ฟ” Michael Fish, Titleist Golf Ball Product Manager กล่าว “ในกระบวนการวิจัยพัฒนา และทดสอบลูกกอล์ฟ Tour Soft นักกอล์ฟที่ทดสอบจำนวนมาก ชื่นชอบเส้นช่วยเล็งแบบใหม่เป็นอย่างมาก และให้คะแนนกับเส้นเล็งแบบตัว ‘T’ เป็นอันดับต้นๆ”

เทคโนโลยีและประสิทธิภาพของ 2020 Tour Soft

ลูกกอล์ฟ Titleist Tour Soft ถูกออกแบบให้มีประสิทธิภาพที่ดีกว่า สำหรับเกมของนักกอล์ฟ ให้ความรู้สึกตอบสนองที่นุ่มนวล และให้ประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมในการเล่นลูกสั้น อันเป็นผลมาจากเทคโนโลยีหลักดังนี้:

• แกนในสูตรใหม่ ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น และสร้างความเร็วได้สูงขึ้น – เป็นแกนในที่ใหญ่ที่สุด เท่าที่ Titleist เคยมีมา – ทำให้ตีได้ไกลขึ้น และให้ความรู้สึกตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น

• เปลือกนอก 4CE Grafted แบบใหม่ที่บางลง – พัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีการผลิต TCU แบบใหม่ ทำให้เปลือกนอกบางเป็นพิเศษ –สร้างสปินในการเล่นลูกรอบกรีน ได้สูงขึ้น ให้ประสิทธิภาพในการควบคุมลูกที่ดีขึ้น ในการตีเข้ากรีน และการเล่นลูกรอบกรีน

• รอยบุ๋มแบบใหม่ 342 cuboctahedron ให้วิถีลูกที่พุ่งอย่างทรงพลัง และให้ความสม่ำเสมอมากยิ่งขึ้น