Article
เลือกเหล็กดีมีชัยไปกว่าครึ่ง! ส่องเทคนิคเลือกไม้กอล์ฟสำหรับมือใหม่หัดสวิง
เชื่อว่านักกอล์ฟมือใหม่หลายคนน่าจะเจอปัญหาเวลาที่เราไปเลือกซื้อไม้กอล์ฟว่า ควรจะเลือกแบบไหนดี และไม้กอล์ฟอันไหนที่เหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด โดยเฉพาะชุดเหล็กซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่มีจำนวนเยอะที่สุดในถุงและเป็นไม้ที่ต้องฝึกซ้อมให้มีความแม่นยำทั้งเรื่องระยะและทิศทาง เพราะชอทแอพโพรชส่วนใหญ่ใช้เหล็กเป็นหลัก
การเลือกไม้กอล์ฟสำหรับนักกอล์ฟมือใหม่ จริง ๆ แล้วก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากอะไร เพราะปัจจุบันแบรนด์กอล์ฟส่วนใหญ่จะมีไม้สำหรับให้นักกอล์ฟทดสอบก่อนทำการซื้อหรือไม้เดโม่อยู่แล้ว ท่านนักกอล์ฟสามารถที่จะเดินเข้าไปขอทดสอบจริง ๆ และลองดูว่าชอบแบบไหนและอันไหนที่ให้ประสิทธิภาพกับตัวท่านเองได้มากที่สุด
อย่างไรก็ดีหลักในการเลือกซื้อไม้กอล์ฟง่าย ๆ ก็มีเกณฑ์ในการพิจารณาด้วยตัวเองได้ไม่ยาก ซึ่งหากแยกออกมาเป็นข้อ ๆ แล้ว หลัก ๆ ในการเลือกก็คือ ให้เราดูที่ใบเหล็กและก้านเป็นสิ่งสำคัญ
ใบเหล็ก
ปัจจุบันแบรนด์ต่าง ๆ มีการออกแบบใบเหล็กเพื่อให้เหมาะสมกับนักกอล์ฟที่ฝีมือระดับต่างกัน ซึ่งไม่ได้กำหนดชัดเจนว่าคนไหนเหมาะกับเหล็กแบบไหน แต่เป็นตัวเลือกสำหรับนักกอล์ฟที่อาจจะมีพื้นฐานการตีที่ไม่เท่ากัน หรือบางคนอาจจะชื่นชอบใบเหล็กที่แตกต่างกัน เพราะมีจำนวนไม่น้อยที่นักกอล์ฟมือใหม่ อาจจะชื่นชอบเหล็กที่เหมาะสมกับนักกอล์ฟมือดี ๆ ได้เหมือนกัน
ถ้าจะแยกประเภทของใบเหล็ก อาจจะแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ได้ 3 กลุ่มหลัก ๆ ได้แก่ ใบเหล็กแบบBlade หรือ Muscle Back, Half Cavity Back และ Cavity Back
โดยลักษณะของใบ Blade จะเป็นใบแบบที่ไม่มีโพรงด้านหลังใบ เป็นแบบเหล็กตัน ๆ ส่วนเหล็กแบบ Cavity Back จะเป็นใบแบบที่มีโพรงด้านหลัง และ Half Cavity Back จะอยู่ระหว่างเหล็กทั้ง 2 แบบ ซึ่งท่านนักกอล์ฟก็จะสามารถสังเกตได้จากลักษณะของใบได้อย่างชัดเจน โดยแบบ Blade ขนาดใบจะเล็กๆ กว่าและสันของใบเหล็กจะบางกว่า แบบ Cavity เวลาที่จรดลูกเตรียมตี
ส่วนความยากง่ายในการตีก็เป็นไปตามลำดับ คือเหล็ก Blade จะตียากที่สุด ในขณะที่เหล็ก Cavity Back จะตีง่ายที่สุด
แต่ถ้าเปรียบเทียบกันเรื่องของประสิทธิภาพ หากตีโดนกลางหน้าไม้ จะพบว่าเหล็ก Blade จะตีได้เป็นผลงานที่ดีกว่า ระยะที่ได้ และ ทิศทางค่อนข้างมีความแน่นอนสูง แต่นั่นก็เกิดจากความแม่นยำในการตีของนักกอล์ฟ ซึ่งส่วนใหญ่เหล็กแบบนี้จะเหมาะสมกับนักกอล์ฟมือดี ๆ ขึ้นมาแล้ว ส่วนเหล็กแบบ Cavity Back หรือ Mid Cavity Back มักจะตีได้ง่ายกว่า เนื่องจากขนาดใบที่ใหญ่กว่า พื้นที่ของ sweet spot กว้างกว่า ทำให้มีการชดเชยความผิดพลาดที่สูงกว่า
ดังนั้นหากคุณเป็นนักกอล์ฟที่อาจจะเข้าสนามซ้อมไม่ได้บ่อยๆ การเลือกเหล็กที่ตีง่ายกว่า ก็จะช่วยให้ผลงานในสนามดีกว่านั่นเอง
ก้านเหล็ก
หลังจากได้ใบเหล็กแล้ว อีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญต่อมาก็คือเรื่องของก้าน ซึ่งเราจะพิจารณาเลือกจากความแข็งและน้ำหนักของก้าน ที่จะสัมพันธ์กับความแข็งแรงและจังหวะการตีของท่านนักกอล์ฟด้วยครับ
โดยเราต้องเลือกก้านที่ทำให้จังหวะการตีไม่ลดหรือเพิ่มความเร็วของวงสวิงจนเกินไป กล่าวคือ ต้องเลือกให้พอดี เพราะหากเบาหรือหนักเกินไป จะส่งผลกับการตีของคุณทันที โดยเฉพาะการควบคุมระยะและทิศทางของลูกจะไม่เป็นไปอย่างที่เราต้องการ ส่วนความแข็งของก้าน ถ้าไม่มีเครื่องมือวัดเฉพาะ ขอให้ลองเลือกตามระยะที่เราตีได้หรือเลือกจากความแข็งที่ระบุเอาไว้ในการไม้กอล์ฟ หรือที่เราเรียกว่า Flex นั่นเอง
โดยที่เห็นได้ทั่ว ๆ ไปจะแบ่งออกเป็น L,R,S และ X อาจจะมี A สำหรับนักกอล์ฟสวิงไม่ค่อยแรงมากนักหรือนักกอล์ฟที่อายุเยอะ ๆ หน่อย
การเลือกก้านให้เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับความแข็งแรงและลักษณะการตีของนักกอล์ฟว่าเป็นนักกอล์ฟที่ตีแบบไหน ความเร็วในการสวิงเป็นอย่างไร ซึ่งถ้าจะให้เห็นผลที่แม่นยำมากขึ้น ควรเข้าเครื่องวัดวงสวิงที่จะแสดงผลออกมาเป็นตัวเลขของแต่ละคน และสามารถวิเคราะห์ได้ว่าเราควรตีด้วยเหล็กแบบไหน และคุณสมบัติของเหล็กนั้นควรเป็นอย่างไร
แต่อย่างที่บอก บางคนอาจจะเป็นมือใหม่ อาจชอบเหล็กที่เหมาะสมกับนักกอล์ฟมือดีก็ได้ แต่ผลงานที่ออกมาต้องดูกันอีกที
นี่เป็นเพียงหลักเบื้องต้นในการพิจารณาเลือกเหล็กเท่านั้นนะครับ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อย่างเช่น กริพหรือวัสดุที่ใช้ทำเหล็กซึ่งจะมีผลต่อการตีของนักกอล์ฟแต่ละคน รวมทั้งการเลือกชุดเหล็กของนักกอล์ฟมือดีและมือใหม่ควรจะเป็นอย่างไร golfdiggTODAY จะหาคำตอบมาฝากกันตอนต่อไปครับ
เรียบเรียงโดย golfdigg
จองกรีนฟี ออกรอบกว่า 150 สนามกอล์ฟทั่วไทยกับ golfdigg ได้แล้ว
บนเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฟรีได้ที่