Article
สัมภาษณ์สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ทีมนักแสดง โปรเมอัจฉริยะต้องสร้าง
ก่อนที่ภาพยนตร์ โปรเมอัจฉริยะต้องสร้าง จะเข้าฉายอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ส.ค.นี้ เมื่อเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา ทาง golfdiggTODAY ได้มีโอกาสสัมภาษณ์สุด Exclusive ทีมนักแสดง ภายในงานกาล่า พรีเมียร์ ถึงความรู้สึก กับภาพยนตร์สร้างแรงบันดาลใจเรื่องนี้
ก่อนที่ภาพยนตร์ โปรเมอัจฉริยะต้องสร้าง จะเข้าฉายอย่างเป็นทางการในวันที่ 15 ส.ค.นี้ เมื่อเมื่อวันที่ 6 ส.ค. ที่ผ่านมา ทาง golfdiggTODAY ได้มีโอกาสสัมภาษณ์สุด Exclusive ทีมนักแสดง ภายในงานกาล่า พรีเมียร์ ถึงความรู้สึก กับภาพยนตร์สร้างแรงบันดาลใจเรื่องนี้
คริสซี่ – กฤษณ์สิรี สุขสวัสดิ์ รับบทเป็น โปรเม เอก- ธเนศ วรากุลนุเคราะห์ รับบทเป็น พ่อโปรเม
golfdiggTODAY :ความรู้สึกที่ได้รับเล่นในภาพยนตร์เรื่อง โปรเม อัจฉริยะ | ต้อง | สร้าง
ธเนศ: “ต้องขอบบคุณทีมงานนะครับทั้งผู้กำกับโปรดิวเซอร์ทั้งหลาย ที่นึกถึงเรา แล้วก็ให้เกียรติและก็ให้อิสระเราเต็มที่ในการเสนอความเห็น หรือว่ามุมมองต่าง ๆ นานา ตั้งแต่เริ่มต้นพัฒนาบทมาด้วยกันแล้วก็ถ่ายทำ แม้กระทั่งให้อิสระให้ออกมาพูดมาคุย อันนี้ไม่มีใครมาบอกเลยว่าให้พูดอะไร ดีมากเลย เราก็เต็มที่ อันนี้ก็มาจากใจเลยจริง ๆครับ”
คริสซี่: “ก็รู้สึกดีใจและเป็นเกียรติมาก ๆ ค่ะ ที่ได้มาถ่ายทอดเรื่องราวของเมแล้วก็ครอบครัวเขา เราก็รู้สึกว่าดีใจที่ได้เป็นกระบอกเสียงให้เม ให้คนได้รับรู้เรื่องราวของเขา ได้รับรู้ว่าการที่เขาจะขึ้นเป็นอันดับหนึ่งของโลกเขาไม่ได้มาง่าย ๆ นะ แต่เขาต้องเสียสละเขาต้องทุ่มเทเยอะมาก ๆ แล้วก็รู้สึกว่าอยากให้เรื่องนี้ได้กระจายออกไปให้คนรับรู้ ก็รู้สึกว่าอยากจะทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุดค่ะ”
golfdiggTODAY : อาเอก ธเนศได้เจอคุณพ่อตัวจริงแล้วหรือยัง ?
ธเนศ:“ไม่ได้เจอตัวจริง แต่ว่าเจอในคลิปต่าง ๆ แล้วก็ทุก ๆ คนเล่าให้ฟังมากมาย”
golfdiggTODAY : บทบาทของคุณพ่อสมบูรณ์ต้องเตรียมตัว ทำการบ้านอะไรมาบ้าง
ธเนศ: “พยายามดูคลิปของคุณสมบูรณ์ แล้วก็พยายามทำความเข้าใจกับสิ่งที่ทางทีมงานเล่าให้ฟัง แล้วก็เทียบเคียงกับตัวเราว่ามันมีอะไรที่จะสัมพันธ์กันได้บ้างมากน้อยแค่ไหน ก็พบว่าหลายอย่างไม่เกี่ยวข้องกัน แต่มันมีอย่างนึงซึ่งสำคัญกว่า ก็คือความมุ่งมั่นเพื่อที่จะไปสู่ฝั่งฝันที่ตั้งใจไว้ให้สำเร็จให้ได้โดยไม่ย่อท้อ ไม่หวั่นไหวใด ๆ คือฟังดูเหมือนเราจะเป็นอะไรแบบนั้น แต่จริง ๆ เราหวั่นไหวอยู่ เราไม่ได้มุ่งมั่นอะไรขนาดนั้น แต่ว่าเรามีเชื้ออันนี้อยู่ เพราะฉะนั้นเราก็เชื่อมความรู้สึกนี้แล้วก็ปลุกเชื้อขึ้นมา จากการที่เราบางทีก็ลด ละ เลิก ท้ออะไรหลาย ๆเรื่องเหมือนกันในชีวิต พอมาร่วมงานอันนี้ มันก็เกิดแรงบันดาลใจฮึดสู้ขึ้นมาอีกหลาย ๆ อย่าง เพราะฉะนั้นต้องขอบคุณทีมงาน ขอบคุณไปถึงตัวคุณสมบูรณ์ตัวจริงด้วยที่เป็นแรงบันดาลใจให้เราลุกขึ้นมาสู้ จะทำอะไรต้องทำจริงจังทำจังทำให้ไปถึงฝั่งฝันนั้นให้ได้ เพราะฉะนั้นการเตรียมตัวก็มาศึกษาอย่างนี้แหละ ศึกษาจนกระทั่งพอเข้าใจกระจ่าง และเห็นว่าอันนี้ความเป็นจริงมันต้องเป็นแบบนี้ ทุกอย่างก็ลื่นไหลไปตามบท ทิศทาง ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ต้องการจะนำเสนอ ไปเองโดนธรรมชาติ เตรียมตัวอย่างนี้แหละครับ”
golfdiggTODAY : แล้วการถ่ายทอดอารมณ์ของพ่อสมบูรณ์ยากไหม
ธเนศ: “ทีนี้พอเราเข้าใจทั้งหมดแล้ว มันก็จะออกไปเองหละ ไม่ต้องไปว่าจะต้องถ่ายทอดยังไง พอเล่นเราพูดยังไงมันก็พูดอย่างนั้น รู้สึกยังไงก็ไปอย่างนั้น เข้าใจยังไงมันก็ไปอย่างนั้น ในบริบทที่มันเป็นครอบครัวนั้นแล้ว มันไม่เกี่ยวกับเราแล้ว แล้วก็ทิศทางที่เรื่องมันจะต้องไปสถานการณ์มันต้องไปอย่างนั้น ๆ มันก็เกิดขึ้นเอง มันก็ไปของมันเองตามธรรมชาติ เป็นอย่างนั้นครับ”
golfdiggTODAY : หลังจากที่ได้รับบทโปรเมแล้วเป็นยังไงบ้าง
คริสซี่: “คริสซี่ว่า อย่างซี่กับโปรเมก็เชื่อมกันได้ระดับนึง ในพาร์ทครอบครัวนะคะ อันนี้ตัดกอล์ฟไปก่อนนะคะอันนี้เชื่อมกันไม่ได้ (หัวเราะ) คือพาร์ทในความรู้สึก ซี่ว่าซี่เชื่อมกับเขาได้ในเรื่องที่เมเขาจะมีความแบบเป็นเด็กที่…ไม่อยากใช้คำว่าต่อต้านแต่ถ้าเทียบกับโม เขาจะดื้อ ๆ นิดนึง เขาจะมีการตั้งคำถามกับทุกอย่างว่า ทำไมฉันต้องทำแบบนี้ ทำไมพ่อต้องให้ซ้อมทุกวัน ทำไมพ่อไม่ให้กินขนม ในขณะที่โมเขาจะแบบ เออทำ ๆ ไปเถอะ ก็นี่ก็กฎของบ้านเราทำอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด แต่เมเขาจะแบบ ‘ทำไมวะ ทำไมวะ’ ซึ่งในความรู้สึกของซี่ ซี่ก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ คือถ้าเกิดมีคนให้ซี่ทำอย่างนี้ ๆ แล้วซี่รู้สึกว่า ‘ทำไปทำไมอะ’ ซี่ก็จะแบบ ‘เอ่อไม่ทำได้เปล่าอะ’ แล้วคือในบทเมที่ซี่เล่น มันมีพาร์ทอย่างนั้นจริง ๆ มันก็เลยรู้สึกธรรมชาติได้เพราะมันรู้สึกว่าทำทำไมอ่ะ แล้วก็พาร์ทกอล์ฟนี่ก็จะเป็นอะไรที่ค่อนข้างไกลตัว อันนี้คือเชื่อมกันไม่ได้แน่นอนเพราะว่าซี่ไม่เคยเล่นกอล์ฟมาก่อน แต่ว่าก็ได้มีโอกาสได้เข้าไปเทรนนิ่งกับคนที่เขาเป็นโปรที่ทำงานเทรนเมและโมตอนเด็ก ๆ ด้วย ฉะนั้นเขาจะรู้เทคนิค รู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเมและโมจริง ๆ รู้วิธีการถือกระเป๋าของเขา รู้ว่าเวลาเขารอ อย่างเมรอโมตีเขาจะนั่งทำอะไรเขาจะรู้หมดเลย วิธีการที่…สมมติว่าเมวางกระเป๋า เขาจะนั่งส่วนไหนของกระเป๋า เขาจะรู้รายละเอียดทุกอย่าง มันเป็นโชคดีของซี่ที่ได้เรียนรู้ลึกระดับนั้น คือตอนที่สอนเขาต้องสอนละเอียดมากจริง ๆ ค่ะ”
golfdiggTODAY กับภาพยนตร์เรื่องแรกรู้สึกอย่างไรบ้าง ?
คริสซี่: “ก็รู้สึกดีใจค่ะ เรื่องแรกได้มารับบทที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ได้เล่นหนังที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ ได้ทำงานร่วมกับทีมงานและนักแสดงที่เก่งทุกคนคือมันเป็นความโชคดีของซี่จริง ๆ พอนึกย้อนกลับไปวันแรกที่ไปแคสติ้ง คือคนละแบบกับแบบนี้เลยคือความรู้สึกคนละแบบเลย เราไม่ได้คิดว่าเราจะมาถึงจุดที่ได้ แล้วก็รู้สึกว่า…ไม่มีอะไรจะพูดนอกจากเราโชคดีและเราก็ขอบคุณ thankfull สำหรับทุกการเดินทางจริง ๆ ค่ะ”
golfdiggTODAY :อยากฝากอะไรถึงผู้ชม และภาพยนตร์เรื่องนี้จะให้อะไรกับพวกเขา
ธเนศ: “คือมันมีแง่มุมมากมายนะ ซึ่งอาจจะนำไปใช้ในชีวิตจริงของแต่ละครอบครัวได้ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเล่นกอล์ฟ ไปต้องสนใจกีฬากอล์ฟ หรือไม่ได้สนใจกีฬาใด ๆ ก็ได้ อาจจะทำอาชีพอะไรก็ได้ เพราะจริง ๆ เรื่องนี้ หัวใจของเรื่องมันไม่ได้เกี่ยวกับกอล์ฟ ไม่ได้เกี่ยวกับกีฬาโดยตรง กอล์ฟกับกีฬานี้เป็นอุปกรณ์เป็นบริบทโดยรวมที่ครอบครัวเขาเกี่ยวข้องเฉย ๆ หัวใจสำคัญของเขาคือการทำสิ่งที่ฝันให้ได้ด้วยความมุ่งมั่น อย่างที่พูดตอนต้นไป แล้วก็รวมไปถึงการอยู่ร่วมกัน ครอบครัว ความเป็นพ่อเป็นแม่เป็นลูก ว่าจะใช้ชีวิตกันยังไง มีแง่มุมมากมาย เพราะฉะนั้นถ้าคุณมีลูกมีพ่อมีแม่มีพี่มีน้อง ลองมาดูเผื่อจะเกิดประโยชน์กับคุณบ้างไม่มากก็น้อย เพราะนี่เป็นสิ่งที่ทีมงานแล้วก็ทุกคนตั้งใจส่ง message นี้สู่ทุก ๆ คนด้วย”
คริสซี่: “ถ้าพูดในพาร์ทของเม ก็อยากเป็นกระบอกเสียงของเมให้ทุกคนได้รับรู้ว่า นอกจากการตีกอล์ฟเขาก็มีหลาย ๆ อย่าง ที่เขามีความฝันอยากจะทำเพื่อสังคม คือซี่อยากให้เขาถูกรู้จักไปนอกเหนือจากวงการกอล์ฟ เพราะว่าเขามีอะไรที่พิเศษมากกว่านั้นเยอะที่คนยังไม่รู้ แต่ดูเรื่องนี้แล้วคุณจะรู้ว่าเขาเป็น inspiration person คนนึง ขนาดซี่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตเขาเยอะมาก ๆ แล้ว ซี่ก็ยังรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เขาสตรองมาก ๆ แล้วก็เป็น role model ได้คนนึงเลย ขนาดเขาอายุเท่าซี่ แต่ว่าซี่มองเขาเป็น role model เลย ก็รู้สึกว่าอยากให้คนไปดูเรื่องนี้แล้วก็ฝากเราสองคนด้วย”
ธเนศ: “ที่สำคัญที่สุด เราสองคนร่วมกันแสดงเป็นพ่อลูกกัน อันนี้สำคัญมาก ต้องดูนะครับ (หัวเราะ)”
เปิ้ล – หัทยา วงษ์กระจ่าง รับบทเป็นแม่โปรโมโปรเม ปริม – อัจฉรียา โพธิพิพิธธนากร รับบทเป็นโปรโม
golfdiggTODAY : สำหรับพี่เปิ้ลคิดว่าบทบาทแม่ของโปรโมมีความยากยังไงบ้าง
เปิ้ล: “คือพี่ทำความเข้าใจตั้งแต่ตอนอ่านบท พออ่านบทเสร็จมีการทำเวิร์คชอป แล้วก็มาอ่านทำความเข้าใจกับตัวเอง จะดูว่าความเหมือนของเราจะมีอะไรเหมือนเขาบ้างไหม แน่นอนว่าความเป็นแม่น่าจะมีคล้าย ๆ กัน แม่ที่รักลูก หวังดีต่อลูก เสียสละให้ลูกได้ แล้วก็พร้อมจะเข้าใจแต่ละวัยของเขา แต่มันก็จะต้องมีสถานการณ์บ้างอย่างของแต่ละครอบครัวที่ไม่เหมือนกัน ฉะนั้นในเรื่องแม่เปิ้ล (เอ่อชื่อเปิ้ลเหมือนกันนะคะ) แม่เปิ้ลในเรื่องเป็นแม่เปิ้ลที่ คนอาจจะมองว่า โอ้โห้ทำไมถึงยอมขนาดนั้น แต่จริง ๆ ต้องบอกเขาเป็นคนสตรองมากเลย การที่คนเราพร้อมจะจำยอมอะไรบางอย่าง ใจต้องหนักแน่นพอที่จะลดละทุกอย่างและยอมเป็นผู้ตาม ยอมที่จะตาม ยอมที่จะทำอย่างนี้อย่างนั้น เพื่ออะไร เพื่อลูก เพราะว่าในเมื่อเป้าหมายเดียวกันคือเป้าหมายอยากให้ลูกไปได้ไกลที่สุดเท่าที่จะไกลได้ ฉะนั้นแม่เปิ้ลในเรื่องจึงยอมทุกอย่าง แต่เมื่อมีอย่างที่ทำให้เขารู้สึกต้องหนักแน่นขึ้นอีก เขาก็ต้องทำได้ คือถ้าเป็นพี่ พี่ไม่รู้เหมือนกันว่าถ้าพี่เจอเหตุการณ์ พี่จะเป็นยังไงพี่ยังไม่รู้ พี่อาจจะฟูมฟาย คนที่เห็นเราสตรอง เราห้าว ๆ เราอาจจะเอะอะโวยวายมากกว่านั้นก็ได้ แต่แม่เขาแบบอ่อนโยนแต่มีความแข็งแกร่งข้างใน โดยที่มองแล้วไม่รู้เลยแต่รู้เลยว่าเขาสตรองมาก”
golfdiggTODAY :ในบทบาทโปรโมผู้เป็นพี่สาวของโปรเม คิดว่าตัวโปรโมที่เคียงข้างโปรเมมาโดยตลอดคิดอย่างไรบ้างกับตัวละครตัวนี้
ปริม: “คือรู้สึกเลยว่าพอยิ่งไปรู้แบคกราวชีวิตเขา หรือว่าไปเวิร์คชอปด้วยกันกับคริสซี่ มันรู้สึกว่าชีวิตเขามีสองคนจริง ๆ ที่รู้ว่าเราผ่านอะไรมาบ้าง เราสู้กับอะไรมาบ้าง แต่ละวันเราต้องทำอะไรบ้าง เราต้องวิ่ง เราต้องทำยังไง เราอยู่ใสนความกดดันแบบไหน เหมือนเป็นสองคนจริง ๆ ที่รู้ใจกันเหมือนกลายเป็นว่ามองตาก็รู้กันเลยว่า เราเข้าใจคุณนะ แล้วคือทั้งคู่ แม้ในช่วงแรก ๆ พี่อาจจะฝีมือยังไม่ได้เท่าน้อง มันก็อาจจะมีคนที่มองเปรียบเทียบ แต่เหมือนเขาทั้งสองคนเป็นคนที่พร้อมที่จะซับพอร์ตกัน พร้อมที่จะแบบพี่มีความสุขคือเรามีความสุขน้องมีความสุขคือเรามีความสุข และเราเห็นเลยว่ามันเป็นความสัมพันธ์ที่แบบดีมาก ๆ ค่ะ มันเป็นความสัมพันธ์ที่ดีจริง ๆ อ่ะ เหมือนเรารับรู้ได้เลยว่าวันที่น้องเราชนะก็เหมือนเราชนะด้วย”
golfdiggTODAY :ฝากอะไรกับแฟน ๆ ที่มาชมภาพยนตร์เรื่องนี้พวกเขาจะได้อะไรกลับไปบ้าง
เปิ้ล: “คือจริง ๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้เป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับกอล์ฟ กอล์ฟ กอล์ฟนะคะ เพียงแต่ว่ากอล์ฟเนี่ย เป็นเป้าหมายในชีวิตของคุณสมบูรณ์ ก็คือคุณพ่อเขา ที่มีความใฝ่ฝันอยากให้ลูกไปไกลที่สุด จริงๆ พี่เชื่อแน่ว่าในใจเขาอาจจะคิดไปถึงมือหนึ่งของโลกก็ได้ แต่เขาอาจจะไม่กล้าพูดออกมา เพราะไม่มีใครรู้ว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่ได้ ฉะนั้นตรงนี้เราจะมีเรื่องราวหลาย ๆ เรื่องราวที่คนมาดูจะได้สัมผัสกับเหตุการณ์แต่ละเหตุการณ์ โมเมตั้งแต่เด็ก โมเมเป็นวัยรุ่น จะกระทั่งโมเมมีความแข็งแกร่งพอที่จะตัดสินใจทำางเรื่องด้วยตัวเอง เราจะได้เห็นแบบนั้นและพี่เชื่อว่าทุกครอบครัวน่าจะมีเหตุการณ์หรือสภาวะแบบนี้เกิดขึ้นในแต่ละครอบครัว น่าจะนำเอาบางแง่มุมไปใช้ได้ ไม่ว่าลูกคุณอยากจะเป็นนักดนตรี นักร้อง นักแสดง นักกีฬา นักวิทยาศาสตร์ นักสังคมสงเคราห์คือใช้ได้หมด คือเราจะรู้ว่าถ้าทุกคนมีเป้าหมายหรือมี goal ที่ชัดเจน สิ่งที่พ่อแม่ให้กับเขา มันสำคัญขนาดไหน มันมีคุณค่ายังไงบ้างค่ะ”
ปริม: “สำหรับหนู ที่อยากฝากให้คนมาดูใช่ไหมคะ ก็คือรู้สึกเลยว่าจากที่เราได้ไปรับรู้เรื่องราวชีวิตเขาแล้วก็ถ่ายทอดมันผ่านภาพยนตร์ เราเห็นว่ากว่าที่คนคนนึงจะประสบความสำเร็จมันผ่านอะไรเยอะมากยิ่งการที่จะไปเป็นอันดับหนึ่งของโลกเหมือนเขาต้องผ่านอุปสรรคหรือความกดดันต่าง ๆ ในระดับที่มันเข้มข้นกว่าที่เราเจออยู่มาก ๆ มันก็ทำให้เรากลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า สิ่งที่เราเจออยู่มันไม่ได้เท่าเขาเลย เราจะยอมแพ้แล้วหรอ คือหนูรู้สึกว่ามันทำให้เราย้อนกลับมาถามตัวเองหลาย ๆ ครั้งเลย เราทำอะไรอยู่ ความฝันของเราคืออะไรแล้วเราทุ่มเมกับมันพอหรือยัง พอหรือยังที่เราจะประสบความสำเร็จจริง ๆ”
เรียบเรียงโดย golfdigg
จองกรีนฟี ออกรอบกว่า 150 สนามกอล์ฟทั่วไทยกับ golfdigg ได้แล้ว
บนเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฟรีได้ที่