Article
เปิดบทสัมภาษณ์ ‘สองพี่น้องจุฑานุกาล’ กับก้าวต่อไปหลังความสำเร็จ พร้อมเผยความพร้อมก่อนการแข่งขัน Honda LPGA Thailand 2019
‘ปีทอง’ อาจเป็นคำนิยามความสำเร็จของสองพี่น้องบ้านจุฑานุกาลในปีนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะตั้งแต่ต้นปี โปรโม โมรียา โปรสาวผู้พี่ ก็เพิ่งคว้าแชมป์รายการแรกให้ตัวเองได้สำเร็จ ขณะที่ โปรเม เอรียา โปรผู้น้องก็ฟอร์มดีตลอดฤดูกาลจนกลับมาครองบัลลังก์มือ 1 ของโลกอีกครั้ง พร้อมกวาดรางวัลใหญ่แอลพีจีเอไปเรียบ
ผลงานที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้าง ชอทประทับใจ รายการไหนที่ประทับใจ
MO: “สำหรับโม ก็คงเป็นแมตช์ที่แอลเอ ปีนี้ได้แชมป์แรกของตัวเองก็ดีใจค่ะ”
MAY: “ปีนี้จริง ๆ ก็มีโมเม้นท์อะไรดี ๆ เยอะมากเลย คงน่าจะยูเอสโอเพ้น เพราะรู้สึกว่าเป็นแมตช์ที่เรารู้สึกตั้งแต่เด็ก ๆ แล้วว่ามันยากที่สุดที่จะเป็นแชมป์ได้ พอตอนไปเล่นก็ยิ่งทำให้เรารู้ว่ามันยากมากกว่าจะเป็นแชมป์ได้ ก็ภูมิใจมากค่ะ”
สำหรับปีหน้าทั้งคู่วางแผนในการเล่นยังไงบ้าง
MO: “ก็คงต้องรอตารางแอลพีจีเอออก แล้วก็ต้องมานั่งดูอีกทีว่าจะเล่นแมตช์ไหนบ้าง แต่ก็คงจะต้องน้อยลง” (หัวเราะ)
MAY: “ปีหน้าก็คงต้องเล่นน้อยลงค่ะ ปีนี้รู้สึกว่าเล่นเยอะมาก แล้วก็บาดเจ็บบ่อย ปีหน้าคงต้องดูแลตัวเองมากขึ้น แล้วก็อาจจะเล่นน้อยลง”
แล้วฮอนด้าแอลพีจีเอที่จะถึงนี้หละ วางแผนอะไรบ้าง
MAY: “ฮอนด้าแอลพีจีเอเป็นอะไรที่มันเป็นความหวังลึก ๆ ของนักกอล์ฟไทยทุกคนที่ลึก ๆ แล้วก็แอบอยากได้แชมป์ แต่ก็รู้สึกว่า การที่เราไปโฟกัสเกี่ยวกับ outcome มากเกินไป มันก็ไม่ได้ทำให้เราตีกอ์ฟดี ก็รู้สึกว่าอยู่กับ process ของเราไปเรื่อย ๆ ค่ะ ซ้อมให้มันเยอะเหมือนเดิม แล้วก็พยายาม work on อะไรหลาย ๆ อย่างให้มันดีขึ้น ก็คิดว่าฮอนด้าก็น่าจะมีผลงานดี ๆ ให้กันค่ะ”
กดดันไหม หลายคนคงคาดหวังเรามากขึ้น
MAY: “ไม่กดดันค่ะ เพราะว่าคาดหวังกันเยอะอยู่แล้ว แล้วก็ตลอดเวลา (หัวเราะ) ก็รู้สึกว่าเป็นกำลังใจมากกว่าค่ะ และก็รู้สึกขอบคุณมาก ๆ ยิ่งมีคนคาดหวังก็แปลว่าเขาหวังในตัวเราและก็เชื่อในตัวเราก็ขอบคุณค่ะ”
เป้าหมายของโปรโมใน HondaLPGAThailand เป็นยังไงบ้าง
MO: “ก็คล้าย ๆ กันค่ะ จริง ๆ แล้วเล่นในบ้านแค่ปีละครั้ง ก็แน่นอนว่าทุกคนอยากออกไปเล่นและทุกครั้งที่เล่นก็เต็มที่แน่ ๆ แล้วก็คงเตรียมตัวเหมือนเดิมค่ะ แต่ว่าอยากจะมาสนุกกับแฟน ๆ มาให้เขาได้รู้สึกได้ว่าเรามาเล่นในบ้านแล้วก็สนุกกับมันมากกว่าที่จะไปโฟกัสว่า อยากจะได้อะไรหรือว่าจบที่เท่าไหร่ในแมตช์นี้ค่ะ”
หวนกลับไปเล่าถึงครั้งแรกที่ได้เข้ามาเล่นใน Honda LPGA Thailand ให้ฟังหน่อย
MO: “ของโมเล่นตอนปี 2009 แล้วเมก็เป็นแคดดี้ให้ เป็นอะไรที่ตอนนั้นเราก็เด็ก และเรารู้สึกว่าเราตื่นเต้น แล้วเราก็ได้เจอคนที่เรารู้สึกว่าเป็นไอดอล หรือว่าเป็นคนที่เรารู้สึกว่าไม่คิดว่าเราจะได้เจอเขาตอนนี้ แล้วก็จริง ๆ ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก แล้วก็ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างมากค่ะ”
MAY: “ครั้งแรกของเมก็ 11 จะ 12 ตอนนั้นโมเป็นแคดดี้ให้ ตอนนั้นโมก็ 13 ก็เป็นอะไรที่สนุกค่ะ แล้วก็เป็นประสบการณ์ที่ดีมาก จำได้ว่าตื่นเต้นได้ทุกชอทจนจบวันสุดท้าย ชอทสุดท้ายก็สนุกดีค่ะ ทะเลาะกับพี่ไปเรื่อย ๆ ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีในชีวิต”
คิดว่า 13 ปีที่ผ่านมา Honda LPGA Thailand ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็ก ๆเหมือนที่เคยเป็นนักกอล์ฟเยาวชนมาก่อนด้วยไหม
MAY: “เริ่มก็คงต้องสร้างแรงบันดาลใจให้กับเราก่อน ก็ที่เราดูมาตลอดอย่างปีแรก 2006 ทีอมตะ ฯ เราก็จะไปดูคนที่เราชอบ เมว่ามันสำคัญแหละ เด็ก ๆ ก็ได้มาดูได้มามีประสบการณ์ที่ดีและก็มาได้ดูว่านักกอล์ฟระดับโลกเล่นกันแบบไหน”
MO: “โมว่ามันแน่นอนอยู่แล้ว มันเหมือนกับทุกคนโตมาก็จะมีไอดอลหรือว่ามีคนที่เราชอบ และก็อยากที่จะทำตาม ตอนเราเป็นเด็กก็อาจจะมีโมเม้นท์นั้นเหมือนกัน แล้วก็โมเชื่อว่าฮอนด้าแอลพีจีเอก็เป็นแมตช์นึงที่ดี เพราะว่าการที่ได้เข้ามาในประเทศไทยแล้วไม่ต้องมาดูผ่านจอทีวี มันทำให้ทุกคนมาแล้วก็รู้สึกจริง ๆ ว่าอันนี้คือสิ่งที่น้อง ๆ อยากทำ แล้วก็อาจจะแบบมองหลาย ๆ คนเป็นไอดอล แล้วก็มีแรงผลักดันที่จะทำจริง ๆ”
แล้วจุดเริ่มต้นของเราสองคน มีไอดอลเป็นใคร
MAY: “ถ้าเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตก็คงคุณพ่อมั้งคะ เมรู้สึกว่าจริง ๆ แล้ว คุณพ่ออาจจะเป็นคนที่ไม่ได้พูดอะไรเยอะ แต่ทำให้รู้ตลอดเวลาว่าเขาจะไม่หยุดทำ ถ้าเป้าหมายเขายังไม่ประสบความสำเร็จ”
MO: “ก็เหมือนกันนะคะ ก็น่าจะเป็นครอบครัวเหมือนกัน โมว่ามันเป็นอะไรที่เราซึมซับได้ เขาไม่ได้ต้องพูดให้เราฟังแต่ว่าทุกอย่างที่เราซึมซับที่เราโตขึ้นมา ทำให้เราเห็นว่าเราตั้งใจจริง”
จากเคยมีไอดอลในดวงใจจนกลายเป็นไอดอลให้คนอื่นรู้สึกยังไง
MAY: “เมรู้สึกว่าคนเราทุกคนต้องมีเป้าหมาย ต้องมีความฝัน เป้าหมายทำให้เราใช้ชีวิตอย่างมีค่า เรารู้ว่าเราตื่นมาต้องทำยังไง เพื่ออะไรและที่สำคัญมากกว่านั้น เราก็ต้องมีความสุขในทุก ๆ process ที่จะไปถึงเป้าหมายนั้นด้วย”
MO: “โมว่าก็น่าจะคล้าย ๆ กัน การที่เราตื่นมา การที่เราตั้งเป้าหมายของเราอย่างชัดเจน เราสามารถตื่นมาแล้วอยากที่จะไปทำอะไร แล้วเรามีแรงที่จะไปทำ มีแรงผลักดันและเราก็จะรู้สึกดีขึ้นทุก ๆ วันเลย เพราะว่าเราอยากไปถึงเป้าหมายแล้วเร็ว ๆ ก็น่าจะเป็นเป้าหมายที่เราต้องตั้งให้ชัดเจน”
แล้วเป้าหมายหลังจากนี้หละ
MAY: “รู้สึกว่าจริง ๆ พอเล่นวันสุดท้ายเสร็จ ก็คุยกับโค้ชว่า ตอนแรกเราก็นั่งกันงง ๆ ค่ะ ว่า อ้าว ปีหน้าต้องมีอะไรดีขึ้นอีกหรอ อะไรที่ยังไม่ดีหรอ ปีนี้มันก็ดีมากแล้วนะ ปรากฏว่าเขาก็ให้เรามาเช็คลิสดูว่าอะไรดีไม่ดี ก็รู้สึกว่าที่ทำไปปีนี้ ก็ยังไม่ถึงครึ่งที่ควรจะทำ ยังมีอะไรอีกหลาย ๆ อย่างมากที่ต้องดีขึ้น อย่างแบบเรา work on เรื่อง commitment ปีนี้ก็ทำได้สัก 60% ปีหน้าก็อยากให้ดีขึ้น แต่ว่าคำว่า ทำให้ดีขึ้นก็ไม่ได้แปลว่าผลมันจะดีขึ้น แต่เมแค่รู้สึกว่า feeling เมดีขึ้น และสิ่งที่เราอยากทำให้มันดีขึ้น ก็เป็นสิ่งเดียวที่เราอยากทำมันให้ดีขึ้น”
MO: “ก็มีหลายอย่างที่รู้สึกว่าตัวเองปรับแก้อยู่ หรืออยากที่จะทำให้มันมากขึ้น แล้วก็ยังโฟกัส process ที่ยังต้องทำ ต้องปรับแก้อะไรอย่างนั้นมากกว่า เพราะว่าการที่เราค่อย ๆ ทำไปเรื่อย ๆ สุดท้ายแล้วมันก็จะไปถึง goal ที่เราตั้งเอง ไม่ได้ตั้งว่าจะต้องเป็นอะไร”
ที่บอกว่าอยากปรับแก้ หมายถึงเรื่องของกอล์ฟหรือเรื่องของอะไรบ้าง
MAY: “เมว่าทุกอย่างค่ะ อย่างตอนต้นปีนี้ สิ่งแรกที่บอกโค้ชเลยที่อยากจะทำ รู้สึกว่าอยากเป็นคนที่มี attitude ที่ดีตลอดเวลาเล่นกอล์ฟ แล้วก็อยากมี self-talk ที่ดี เพราะเมเป็นคนเวิ่นเว้อค่ะ พูดไปเรื่อย ๆ และพูดจนไปทำจริง ๆ อย่างเช่น มีในหัวก็จะคิดถึงแต่สิ่งที่ไม่ดีบางครั้ง และก็บอกว่าปีนี้อยากทำให้มันดีขึ้น ปีนี้ก็ถือว่าโอเคขึ้นเยอะมาก attitude ในสนามกอล์ฟก็ดีขึ้น แต่ว่าบางครั้งอย่างเรื่อง self-talk ก็ยังมีความแย่ ๆ อยู่บ้าง ก็รู้สึกอยากพัฒนาตรงนี้ให้ดีขึ้นอีก”
รางวัลที่ได้ในปีนี้คิดว่าสามารถมาต่อยอดอะไรได้บ้าง
MAY: “เมรู้สึกว่าต่อยอดยังไงมันน่าจะเป็นหน้าที่ของเมที่จะต้อง work on และให้ชีวิตดีขึ้น และเมก็รู้สึกว่ารางวัลทุก ๆ อย่างเหมือนเป็นของขวัญให้ชีวิตตัวเองค่ะ ต่อไปนี้ยังก็ยังต้อง work hard เหมือนเดิมแล้วก็ต้องพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ ค่ะ”
พูดถึงกอล์ฟการกุศลที่เพิ่งจบไปเมื่อวาน
MAY: “จริง ๆ ก็เป็นแมตช์ที่อยากทำมานานมากแล้วค่ะ คุณกับแม่กับพี่มาหลายปี อยากทำมาตลอด แล้วก็บอกว่าไม่กล้าทำ เพระว่าเรื่องแรกเลย ไม่รู้ว่า จะมีคนมาหรือเปล่า เรื่องที่สองคือ เราไม่รู้ว่าคนจะมองยังไง คนอาจจะมองว่า อ๋อนี่ทำมาเพื่ออะไรก็แล้วแต่ คุณแม่ก็จะบอกว่า ถ้าเราตั้งใจทำสิ่งที่ดีก็ทำเลย ไม่ต้องแคร์หรอกว่าคนจะมองยังไง เมื่อวานวันที่ 3 ธันวาก็เลยลองทำไป ก็หาเงินโดยไม่หักค่าใช้จ่าย แล้วก็เอาไปให้น้อง ๆ ที่เป็นปากแหว่งเพดานโหว่”
ประสบความสำเร็จอย่างที่เราหวังไหม
MAY: “จริง ๆ ต้องบอกว่า พอเราเห็นน้อง ๆ ที่เป็นเรื่องตรงนี้ น้อง ๆ เขาก็เป็นแรงบันดาลใจของเราเหมือนกันนะ ในการที่จะทำอะไรออกไป พอเมื่อวานไปเจอก็รู้สึกว่าทุก ๆ คนมาเป็นกำลังใจให้เราจริง ๆ ให้เราได้ทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไป ก็ประทับใจมาก ๆ ค่ะ ทุกคนมานตั้งใจมาก อยู่จนงานจบ แล้วก็สนุกและมีความสุขไปด้วยค่ะ”
เรียบเรียงโดย golfdigg
จองกรีนฟี ออกรอบกว่า 150 สนามกอล์ฟทั่วไทยกับ golfdigg ได้แล้ว
บนเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฟรีได้ที่