Connect with us

Article

สิ่งที่ค้นพบระหว่างเขียนบท ‘Teeใครทีมันส์’ จากมุมผู้สร้างสรรค์ ที่ทำให้กอล์ฟเป็นมากกว่ากีฬา

“พี่อยากให้ละครเรื่องนี้คนดูแล้วรู้สึกว่า ‘เฮ้ย มันต้องลุกขึ้นสู้อ่ะ’ ปัญหามันมี เราอาจจะต้องเจอการต่อสู้ต่างๆ การแข่งขันที่มันโหดร้ายและรุนแรงหรืออาจต้องสูญเสีย แต่สุดท้ายแล้วเราก็ลุกขึ้นมาแล้วสู้ต่อไปให้ได้ นั่นคือสิ่งที่เราอยากจะสื่อสารลงไปในละคร และก็อยากให้คนดูได้รับแมสเสจนี้”

Published

on

เป็นเวลากว่า 20 ปี ที่ พี่นัท ณัฐิยา ศิรกรวิไล ได้ฝากผลงานเขียนทั้งบทประพันธ์และบทโทรทัศน์ไว้มากมายผ่านจอแก้ว อาทิ ร้อยเล่ห์เสน่ห์ร้าย เงารักลวงใจ สวรรค์เบี่ยง อย่าลืมฉัน หนึ่งในทรวง ฯลฯ ที่การันตีฝีมือมาแล้วบนเวทีโทรทัศน์ทองคำกับรางวัลบทโทรทัศน์ดีเด่น จากเรื่อง สูตรเสน่หา และ เพลิงบุญ รวมถึงรางวัลละครสร้างสรรค์สังคมยอดเยี่ยม จากเรื่อง วัยแสบสาแหรกขาด

และผลงานล่าสุด Teeใครทีมันส์ ที่กำลังออนแอร์ทางช่อง 3 อยู่ขณะนี้ก็ล้วนเริ่มขึ้นจากคนๆ เดียวกันนี้เอง ที่เกิดเห็นอะไรบางอย่างในกีฬากอล์ฟ

“อันดับแรกเลย ตั้งแต่เด็กเกิดมาพี่ก็เห็นเตี่ยพี่เล่นกอล์ฟแล้ว” พี่นัท ผู้เป็นต้นเรื่องเริ่มเล่าพร้อมเสียงหัวเราะถึงคุณพ่อวัย 80 ที่ขลุกอยู่กับการเล่นกอล์ฟตั้งแต่ช่วง 20 ต้นๆ และมักหายไปจากบ้านทั้งวันตั้งแต่เช้ามืด จนกลายเป็นเรื่องเล่าชวนขำถึงทุกวันนี้จากคนข้างบ้านที่เม้าท์ว่า ‘พ่อมีเมียน้อย’

“หลังๆ แกไปแข่งอะไรก็ไม่บอกที่บ้านนะ แต่กลับมาก็มีถ้วยมาวาง ยังอยู่เลยมั้งถ้วยกอล์ฟเตี่ยพี่ยังเก็บอยู่เลย พอเริ่มมีอายุมากขึ้นไม่ไหวแล้วก็เลิก แต่ก็เลิกตอนอายุ 50 – 60 นะ ถึงได้เลิกเล่น” นั่นคือความผูกพันส่วนตัวที่พี่นัทย้อนให้เราฟัง

วันหนึ่งข่าวกอล์ฟทำรายได้เข้าประเทศปีละหลายหมื่นล้าน ก็ลอยเข้าหูและกลายเป็นประเด็นที่ดึงให้พี่นัทเริ่มสนใจในเรื่องราวกอล์ฟ

“พี่มองว่าจริงๆ แล้วกีฬากอล์ฟในประเทศไทยเป็นอีกอันหนึ่งที่ได้รับความนิยม ต่างชาติก็สนใจที่จะมาตีกอล์ฟที่ประเทศไทยค่อนข้างเยอะมาก มันเป็นอุตสาหกรรมที่คาบเกี่ยวกับการท่องเที่ยว แล้วก็การบริการของประเทศ” พี่นัทยังบอกต่อไปอีกว่า “ไทยเราขึ้นชื่อมาก ทั้งแคดดี โรงแรม บริกรต่างๆ ที่อื่นสู้ไม่ได้ อันนี้ไม่รู้จริงไหมที่เขาบอกว่าประเทศอื่นถือถุงกันเอง ถ้าเกิดจะไปตี ต่อให้สนามสวย แพงยังไงก็ตาม ถ้าเกิดจ้างแคดดีแพงมาก แต่ของคนไทยคือ สนามสวย บริการดี แคดดีก็อยู่ในราคาที่มันจับต้องได้ คนต่างชาติก็เลยจะชอบมาตีที่นี่กันเยอะ ก็เลยมองว่ามันเป็นประเด็นที่ยังไม่เคยมีใครพูดถึง และก็เป็นประเด็นที่น่าสนใจ” ประกอบกับที่ช่อง 3 มีนักแสดงที่เล่นกอล์ฟจริงจัง

“ถ้าเกิดเราจะทำกีฬากอล์ฟเป็นละคร ต้องมีนักแสดงที่ตีได้จริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นก็จะไม่ทำ แล้วเผอิญได้น้องนาย (ณภัทร เสียงสมบุญ) กับ อเล็กซ์ เรนเดลด์”

นี่คือที่มาที่ไปจากผู้สร้างสรรค์เรื่อง

นาย ณภัทร เสียงสมบุญ รับบท ตฤณนิธิ

หลังโปรเจกต์เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้น จึงเริ่มมองหาคนเขียนบทที่จะมาช่วยต่อยอดในเรื่องของกอล์ฟและข้อมูลต่างๆ ให้ละครเรื่องนี้สมบูรณ์ จนได้ พี่ตั้ม พัฒนะ จิระวงศ์ และ พี่ไหม ศุภวรรณ ทองขลิบ มาร่วมทีมเขียนบท

“มีสองส่วนที่พี่ให้ความสำคัญคือ หนึ่งคนเขียนบทของพี่คนนึงต้องเล่นกอล์ฟ พี่ก็ชวนตั้มมา ซึ่งบังเอิญเป็นผู้กำกับหนังสั้นแล้วเขียนบทหนังด้วย สองก็คือนักแสดง เราก็โฟกัสเลยว่าคนที่จะมาเล่นเรื่องนี้ถ้าต้องเกี่ยวพันกับคนในทีมของพระเอกหรือแม้แต่พระเอกเองกับตัวอเล็กซ์ก็ต้องมีสกิลพื้นฐาน”พี่นัทเสริม

อเล็กซ์ เรนเดลล์ รับบท เอกิ

ขณะเดียวกัน พี่ไหม หน่วยจัดเก็บข้อมูล ที่ต้องประสานงาน เดินสายสัมภาษณ์ ทั่วทุกสารทิศ และไม่มีสกิลเกี่ยวกับกอล์ฟมากนักก็ต้องทำการบ้านหนักพอสมควร “ไหมไม่เคยเล่นกอล์ฟ ไม่เคยแม้แต่กระทั่งจับไม้กอล์ฟ แล้วก็ดูกอล์ฟไม่เป็นด้วย พอได้ลองมาทำแล้วก็ต้องหาข้อมูลเยอะกว่าคนอื่น” พี่ไหมน้องเล็กของทีมเล่า

ปรุงแต่งจากแรงบันดาลใจ

ตลอดระยะเวลากว่า 2 ปี รวมถ่ายทำ ที่พี่ไหมและทีมต้องทุ่มเทเสาะหาข้อมูลอย่างจริงจัง บุกไปสัมภาษณ์โปรกอล์ฟหลายต่อหลายท่าน อาทิ โปรป้อมเพ็ชร สารพุทธิ,โปรบุญชู เรืองกิจฯลฯ รวมถึงแคดดีของโปรดังๆ เพื่อล้วงเอาข้อมูล เรื่องราวมาประกอบใส่ในละคร จนทำให้อินกับกอล์ฟไปโดยปริยาย และพบว่าเส้นทางการเป็นนักกอล์ฟนั้นไม่ได้สวยหรูเหมือนตอนประสบความสำเร็จ

โปรป้อมเพ็ชร สารพุทธิ ร่วมให้ข้อมูลและช่วยสอน

“ตอนไปสัมภาษณ์ โปรแนทก็ให้ดูเด็กคนนึงที่เขาเป็นลูกหลานของคนขายของในนั้น แต่ว่าเขามีวินัยมาก เขาบอกว่าเด็กที่พ่อแม่ส่งมาไม่มีใครมีวินัยสู้เด็กคนนี้เลย เหมือนได้เรียนฟรีด้วยนะ เพราะโปรเห็นว่าเขามุ่งมั่นก็เลยสอน”

“เขาก็เลยเรียกน้องมาให้คุยด้วย ก็เลยรู้ว่าน้องเป็นเด็กที่เซทเวลาไว้หมดเลย เช้าตื่นกี่โมง ไปว่ายน้ำ กลับมา ไปนู่นนี่ อาบน้ำ ไปโรงเรียน เลิกเรียนกลับมาซ้อม เขามีตารางเวลาชีวิต เป๊ะๆ แล้วทำแบบนี้ได้ทุกวัน เด็กจริงๆ อายุประมาณ 7-8 ขวบราวๆ นี้ ถึงแม้คุณจะไม่ได้มีทุนทรัพย์ในชีวิต แต่ถ้าเรามุ่งมั่น มันก็มีหนทางอยู่” พี่ไหมเล่า

ยังมีเรื่องราวในมุมที่น้อยคนจะพูดถึง “ตอนที่โปรบุญชูเล่าให้ฟังว่าการออกนอกประเทศครั้งแรก ไปแข่งกับต่างชาติ มันไม่ใช่แค่เรื่องฝีมือแต่มันเป็นเรื่องของการต่อสู้ในจิตใจแล้ว”

“เหมือนเขาบอกว่า ตอนนั้นคนไทยกลัวฝรั่ง ยังไม่ต้องเริ่มลงแข่ง แค่สรีระก็กลัวแล้ว เพราะฉะนั้นมันต้องต่อสู้แล้วข้ามความกลัวตรงนี้ไปให้ได้ อันนี้มันคือเสน่ห์ของกีฬากอล์ฟ” พี่นัทกล่าวเสริมถึงแรงบันดาลใจที่หยิบเอามาเพิ่มเติมในละคร

เสน่ห์กอล์ฟ

นอกจากการเอาชนะตัวเองจะเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของกีฬากอล์ฟแล้ว การได้เดินตามโปรบนสนามแข่งนี่แหละคือลักษณะเฉพาะของกอล์ฟจริงๆ นั่นคือสิ่งที่พี่นัทบอกกับเราหลังได้ลองไปชมการแข่งขันกอล์ฟรายการ Honda LPGA Thailand 2019 ที่ผ่านมา

“พี่เคยไปดูเทนนิสระดับโลกที่มาแข่งประเทศไทย เราก็อยู่ห่างไกลนักเทนนิสนะ เหมือนเรานั่งอยู่อัฒจันทร์แล้วเขาก็เล่นกันอยู่ตรงนั้น บอลนี่พี่ไม่ต้องพูดถึง เห็นลิบๆ อยู่ตรงนู้น แต่นักกอล์ฟเนี่ย พี่เห็นโม-เม ยืนอยู่ข้างหน้าเราเลยตรงนี้อะ มันอยู่ในระยะที่ใกล้มากจริงๆ” พี่นัทเล่าอย่างตื่นเต้น

“สมมติเขาเป็นไอดอลของเรา เป็นนักกีฬาที่เราชอบ เราสามารถใช้เวลาอยู่ตรงนั้นกับเขาเป็นชั่วโมงๆ ได้ พี่เลยไม่แปลกใจว่าทำไมทัวร์นาเม้นท์ใหญ่ๆ ที่มีไทเกอร์ วูดส์ นักกอล์ฟเจ๋งๆ แล้วเขามีแฟนคลับเยอะๆ ทำไมบัตรมันถึงขายหมดภายในเวลาอันรวดเร็ว เพราะมันเหมือนเราเดินตามดูนักร้อง เหมือนอย่างนั้นเลย จนเรารู้สึกว่านี่มันคือเสน่ห์ของกอล์ฟที่อย่างอื่นไม่ค่อยเหมือน”

“แค่เห็นวิถีลูกที่มันเหินกับตาตัวเองนี่มันก็แบบ…”

พี่ตั้มเสริม

“ยิ่งถ้าเป็นนักกีฬาที่เราชื่นชอบ มันจะเป็นอีกความรู้สึกนึงที่มันไม่เหมือนกับที่เราดูถ่ายทอดสด การไปดูของจริงมันจะมีจังหวะที่ให้เงียบแล้วพอหวดไปปุ๊บ เสียงอ่ะ…โอ้โห มันเป็นสิ่งที่คุณต้องไปเจอของจริง แล้วมันจะรู้ว่า เฮ้ย! มันสวยอ่ะ เสียงมันเพราะอ่ะ ขนาดพี่ไม่ใช่คอนะ พี่ยังรู้สึกว่ามันเป็นพลังจริงๆ” และนั่นคือความรู้สึกแรกของพี่นัทที่ได้สัมผัสกับกีฬากอล์ฟระดับโลกแบบขอบสนาม

TEAMWORK MAKE THE DREAM WORK

ไม่เพียงแต่ตัวนักกอล์ฟเท่านั้นที่ทีมเขียนบทให้ความสนใจ เพราะในชีวิตจริงของบุคคลเหล่านี้ล้วนแวดล้อมไปด้วยผู้คนหลากหลายอาชีพ ที่มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่านักกอล์ฟ

“คนจะนึกว่านักกีฬาไทยไม่ได้มีคนดูแลหรือไม่มี จริงๆ แล้วมีค่ะ เขามีการจัดอาหารให้นักมวย จัดอาหารให้นักฟุตบอล หรือนักกอล์ฟหลายๆ ท่าน แม้แต่ที่ปรึกษาทางด้านจิตใจที่เป็นคุณพ่อนางเอก ก็มีอยู่จริงๆ” พี่นัทบอกอีกว่าพวกนี้เป็นอาชีพที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง ซึ่งเป็นอาชีพที่สำคัญมาก และทีมก็ไม่ได้รีเสิร์ชแค่ในประเทศไทยแต่ยังรวมถึงในต่างประเทศ

จีน่า ซึ่งในเรื่องรับบทเป็น เจนนินทร์ นักกายภาพบำบัดและนักโภชนาการ กำลังเรียนรู้วิธีการบำบัดจากนักกายภาพ

“อย่าง ไทเกอร์ วูดส์ พี่ก็จำลองทีมนี้มาจากระดับโลกจริงๆ ว่าในทีมเขาต้องมีอะไรบ้าง ของคนไทยอาจจะไม่ได้ฟูลทีมขนาดนี้ แต่ว่าในช่วงแรกส่วนมากจะเป็นแบบนี้ แต่พอสักพักนึงที่เขาเริ่มขึ้นเอเชี้ยนทัวร์หรืออะไรแล้ว มันจะไม่ได้มีเวลามาดูแลใกล้ชิดแบบนี้ หลายๆ ตำแหน่งก็อาจจะห่างๆ ไป หรือเขาเริ่มดูแลตัวเองได้แล้วก็เดือนนึงมาเจอกันทีนึง อะไรประมาณนั้น แต่อย่างนี้มันมีอยู่จริงๆ ค่ะ”

ซึ่งพี่ตั้มที่ได้พูดคุยกับโปรบุญชูก็บอกว่ามันมีดีเทลการใช้ชีวิตที่มีผลกับการแข่งด้วย “แค่มันมีเรื่องกวนใจอะไรบางอย่างมันก็เสียสมาธิ ขณะที่โปรที่ขึ้นอันดับหนึ่งของโลกนานๆ แปลว่ามันต้องมีความพร้อม ไม่มีอะไรต้องกังวล นั่นเพราะว่ามันต้องมีคนสนับสนุนที่ดี มีทีมที่ดี”

ขอบคุณภาพ Ch3Thailand

ขณะเดียวกันพี่นัทก็อยากให้ผู้ชมมองเห็นถึงความตั้งใจ ความมุ่งมั่นของแต่ละอาชีพที่มีอยู่จริงด้วย “คนที่มาทำอาชีพแบบนี้มันก็เหมือนละครเรื่องนี้ คือมันค่อนข้างเฉพาะทาง มันจะไม่ใช่เป็นนักบัญชี เป็นวิศวกร เป็นหมอ งานเขาก็จะแมสกว่า แต่การที่คนๆ นึงจะตัดสินใจทั้งชีวิตมาเรียนโภชนาการ มาเรียนเป็นนักกายภาพบำบัด หรือมาเป็นโค้ชให้กับนักกอล์ฟ มาเป็นเทรนเนอร์ให้กับนักกีฬา พี่มองว่าเขาต้องมีความมุ่งมั่นหรือมองเห็นอะไรบางอย่างในอาชีพนี้ เขาถึงลงทุนทั้งชีวิต” พี่นัทกล่าวอย่างชัดเจนถึงสิ่งที่ตั้งใจสอดแทรกอยู่ในละคร

สิ่งที่ซ่อนอยู่ในละครที่มากกว่ากอล์ฟ

พัฒนาการในวงการกอล์ฟที่ปัจจุบันเริ่มมากขึ้นและเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว กลายเป็นข้อดีอีกประการของละครเรื่องนี้ที่พี่ตั้มบอกกับเราในฐานะผู้ที่เคยสัมผัสกับกอล์ฟเพียงคนเดียวของทีมมาตั้งแต่อดีต


“ข้อดีของละครเรื่องนี้มันมีเรื่องการเอาวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาเล่าในหนัง มันก็อาจจะเป็นแง่คิดให้คนในวงการกีฬาเห็นว่ามันสำคัญ สิ่งพวกนี้มันสำคัญและมันช่วยได้จริง ซึ่งตอนที่พี่เริ่มเล่นพวกนี้ยังไม่ค่อยมี”

อีกทั้งยังมองว่าตรงนี้ละครได้เปิดช่องทางการศึกษาเช่นกัน “ถ้าเด็กเขาค้นหาตัวเองเจอเร็วเท่าไหร่แปลว่าเขาก็มีโอกาสพัฒนาตัวเองมากเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจบม.6 แล้วยังไม่รู้ว่าจะไปทางไหน เพราะวิชามันไม่ได้เอื้อต่อการให้คิดว่าอยากทำอะไร” พี่ตั้มกล่าวในมุมของตน

แต่ถ้าถามพี่ตั้มว่าค้นพบอะไรจากละครเรื่องนี้ เขาก็ว่า “ค้นพบความทรงจำตอนที่ยังแบบบ้าเล่นกอล์ฟอยู่ มันก็ยังมีบางภาพบางมุมของสนามที่มันเมมไว้ในหัว มันก็สามารถลงมาในบทได้เลย” พี่ตั้มยิ้มเล็กๆ

สำหรับพี่ไหมที่ได้สัมผัสกับกอล์ฟเต็มๆ ครั้งแรกผ่านผู้คนมาแรมปี ก็ซ่อนความหวังไว้ลึกๆ ว่า “อยากให้คนดูเห็นว่าเราทำละครเรื่องนี้ เราก็ตั้งใจในการทำ เราหาข้อมูลเยอะมาก เราสัมภาษณ์เยอะมาก แล้วเราก็อยากให้ละครแปลกๆ แบบนี้ ได้มีพื้นที่ในวงการละคร ไม่ใช่แค่มีแต่ตบจูบ หรือมีแต่ละครพีเรียด หรือละครที่คนทำซ้ำๆ เราอยากให้มีละครใหม่ๆ แปลกๆ พลอตแบบนี้ หรือละครกีฬาแบบนี้เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ ที่ดูด้วย”

เมื่อละครเริ่มทำงาน คนดูเริ่มสื่อสาร ความคาดหวังจึงเริ่มก่อตัว

Feedback หรือ กระแสตอบรับ น่าจะเป็นสิ่งที่ผู้เกี่ยวข้องกับละครเรื่องนี้ทุกคนเฝ้ารอมาตลอดหลังผลงานถูกเผยแพร่สู่สาธารณะชน ในฐานะผู้เขียนบทประพันธ์และบทโทรทัศน์ ก็เช่นกัน สำหรับพี่นัท ที่มีแฟนเพจเป็นตัวกลางสื่อสารกับผู้ชมโดยตรง ก็พบว่าละครเรื่องนี้ต่างไปจากเรื่องอื่นๆ ที่เคยทำ

“อย่างละครแมสเขาก็จะเข้ามาแสดงความคิดเห็นในความบันเทิง ถ้าเป็นวัยแสบสาแหรกขาดก็จะเป็นเรื่องของคุณพ่อคุณแม่ แต่ในเรื่อง Teeใครทีมันส์ สิ่งที่ได้มันคือ

คุณพ่อคุณแม่หรือเด็กๆ ที่เขาสนใจเรื่องของกีฬา สนใจเรื่องของกอล์ฟ เขารู้สึกว่าเขามีเพื่อน เขามีคนที่เข้าใจเขา พูดภาษาเดียว ที่มองเห็นความสำคัญของความฝันของเขา และมันก็เป็นเหมือนละครที่สร้างแรงบันดาลใจให้เขาอยากจะพัฒนา หรือว่ามีความมุ่งมั่นที่จะฝึกซ้อมต่อไป ซึ่งพี่มองว่ามันเป็นความสวยงามของการทำงาน ถึงแม้ว่ามันจะเป็นกลุ่มคนดูที่อาจจะยังไม่ได้กว้างมาก แต่อย่างน้อยที่สุดพี่มองว่ามันก็มีพื้นที่สำหรับพวกเขา”

(จากซ้าย) พี่ตั้ม พัฒนะ จิรวงศ์ , พี่นัท ณัฐิยา ศิรกรวิไล , พี่ไหม ศุภวรรณ ทองขลิบ

ท้ายที่สุดนี้ “ในฐานะที่พี่เป็นคนคิดเรื่อง พี่อยากให้มันเป็นละครที่ดูแล้วมีกำลังใจ พี่มองว่าตอนนี้สังคมไทยและสังคมโลกเป็นสังคมที่เรากำลังเอาตัวรอดจากอะไรหลายๆ อย่าง เอาตัวรอดจากเศรษฐกิจ ภัยธรรมชาติ เอาตัวรอดแม้แต่วิถีชีวิตของเราเองที่มันสร้างปัญหา มลภาวะ อะไรต่างต่างนานามากมาย”

“พี่อยากให้ละครเรื่องนี้คนดูแล้วรู้สึกว่า ‘เฮ้ย มันต้องลุกขึ้นสู้อ่ะ’ ปัญหามันมี เราอาจจะต้องเจอการต่อสู้ต่างๆ การแข่งขันที่มันโหดร้ายและรุนแรงหรืออาจต้องสูญเสีย แต่สุดท้ายแล้วเราก็ลุกขึ้นมาแล้วสู้ต่อไปให้ได้ นั่นคือสิ่งที่เราอยากจะสื่อสารลงไปในละคร และก็อยากให้คนดูได้รับแมสเสจนี้” พี่นัทกล่าวในที่สุด

Teeใครทีมันส์ ละครโรแมนติก – ดราม่า ผลงานจากค่ายเมคเกอร์ เค กำกับโดย หนุ่ม กฤษณ์ ศุกระมงคล ที่เล่าเรื่องราวชีวิตของ ตฤณ เด็กหนุ่มผู้มีฝันอันยิ่งใหญ่จากการเป็นนักกอล์ฟ เมื่อบนสังเวียนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาจึงต้องเรียนรู้ เจ็บปวดและฝ่าฟันอุปสรรคมากมาย รวมถึงเส้นทางหัวใจที่ต้องเลือกว่าใครคือคนที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จนี้ด้วยกัน

นำแสดงโดย นาย – ณภัทร เสียงสมบุญ , จีน่า – ญีนา ซาลาส , อเล็กซ์ เรนเดล , โม – มนชนก แสงฉายเพียงเพ็ญ , อ่ำ – อมรินทร์ นิติพล ฯลฯ ทุกวันพุธ – พฤหัสบดี เวลา 20.20 น. ทางช่อง 3

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง:
‘นาย ณภัทร’ ทุ่มสุดตัวเตรียมโชว์สวิงในละครเรื่องใหม่ ‘Teeใครทีมันส์’



เรียบเรียงโดย golfdigg

จองกรีนฟี ออกรอบกว่า 150 สนามกอล์ฟทั่วไทยกับ golfdigg ได้แล้ว
บนเว็บไซต์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันฟรีได้ที่